xs
xsm
sm
md
lg

กทม.จ่อฟ้องดีเอสไอ หากจุ้นรับ “ต่อสัญญาบีทีเอส” เป็นคดีพิเศษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ธาริต" กลับลำ เตรียมนำเรื่องจ้างบีทีเอสเดินรถเข้าที่ประชุมรับเป็นคดีพิเศษ "ธีระชน" บอกอย่าจุ้น เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ไม่ใช่ดีเอสไอ พร้อมแก้เกมด้วยการส่งเอกสารถึงคณะกรรมการคดีพิเศษแบบรายตัวก่อนลงมติรับเป็นคดีพิเศษ ลั่นฟ้องกลับแน่หากมีการรับเรื่องเพื่อสอบสวนจริง

ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. (แฟ้มภาพ)
วันนี้ (19 มิ.ย. ) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวการจ้างบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซีเดินรถ 30 ปี ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร ว่า การจ้าง บีทีเอสซีเดินรถ 30 ปี ไม่ใช่การต่อสัญญาสัมปทาน แต่เป็นการจ้างเดินรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดย กทม.จ้างบริหารทรัพย์สินของตน ซึ่งเป็นอำนาจในการบริหารโดยตรงของผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเอกชนไม่สามารถมีส่วนในผลกำไรจำนวน 110,000 ล้านบาท ทำให้ กทม. มีรายได้เพื่อที่จะนำมาพัฒนาโครงการต่างๆ ของ กทม. อาทิ สร้างอุโมงค์ระบายน้ำ สวนสาธารณะ ขนาดใหญ่ โรงบำบัดน้ำเสีย โรงกำจัดขยะปลอดมลพิษ โรงพยาบาล ฯลฯ และผลประโยชน์ที่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานครจะได้รับในอนาคต คืออัตราค่าโดยสารที่สามารถควบคุมได้ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. มีอำนาจในการกำหนดอัตราค่าโดยสารได้ตามข้อบัญญัติที่มีผลบังคับใช้ในปี 2552 ซึ่งจากประเมินค่าใช้จ่ายเดินรถ โดยที่ปรึกษา บริษัท พีบีเอเชีย จำกัด และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินค่าใช้จ่ายเดินรถตลอด 30 ปี เป็นเงินจำนวน 196,608 ล้านบาท โดยใช้แบบจำลองของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ที่กำหนดแบบจำลอง ค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้า ทั้งใต้ดินและบนดิน เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ให้หน่วยงานของรัฐใช้ จัดจ้างเอกชนในการเดินรถ ซึ่งพบว่าสัญญาจ้างบีทีเอสซีเดินรถเป็นเงินจำนวน 187,142 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาอ้างอิง ที่ปรึกษาอยู่ 9,466 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดการเดินรถระยะเวลา 30 ปี ต่ำกว่า 17 ปี มากกว่า 6,200 ล้านบาท ทำให้สามารถจัดเก็บค่าโดยสารขณะนี้ในอัตรา 15 บาท ในส่วนต่อขยายของกทม.แทนที่จะเป็น 25 บาท

นายธีระชน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะนำเรื่องการจ้างบริษัทบีทีเอสซี เข้าดำเนินการเดินรถเป็นเวลา 30 ปี เข้าประชุมรับเป็นคดีพิเศษ ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้นั้น กทม.จะนำข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของนายธาริต และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาและเอกสารทั้งหมดส่งไปรษณีย์ตอบรับให้กับคณะกรรมการคดีพิเศษทุกคนซึ่งมีผู้หลักผู้ใหญ่อยู่หลายท่านเพื่อให้รับทราบเพราะก่อนที่จะตัดสินใจใดๆก็อยากให้มีข้อมูลที่ครบถ้วนเพราะการตัดสินใจของท่านจะมีผลเกี่ยวพันกับท่านต่อไปในทางกฎหมาย และอำนาจหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการรักษาสิทธิของกทม. แต่ถ้าท่านคณะกรรมการคดีพิเศษจะรับเป็นคดีพิเศษก็ไม่เป็นไร ทีมกฎหมายของ กทม.ก็พร้อมที่จะดำเนินคดีกับดีเอสไอในเรื่องปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่

"ก่อนหน้านี้ทางอธิบดีดีเอสไอได้แถลงด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมว่า กรณีที่มีข้าราชการการเมืองตามมาตรา 66 มันอยู่นอกอำนาจของดีเอสไอ ขณะเดียวกันเมื่อฝ่ายกฎหมายพิจารณาคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาประกอบและยืนยันว่าทันทีที่ผู้ว่าฯกทม.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยตามคำวินิจฉัยของกฤษฎีกามันไปเข้าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตว่าเป็นบุคคลตามมาตรา 66 หากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องเรื่องต้องไปที่ป.ป.ช.เท่านั้น ดังนั้นทีมกฎหมายจึงมองว่าอธิบดีดีเอสไอน่าจะทำผิดแต่ผมได้ยับยั้งไม่ให้มีการยื่นเรื่องต่อป.ป.ช. แต่ ณ วันนี้เท่าที่ทราบแรงกดดันทางการเมืองยังไม่ยอมหยุด ผมก็เลยต้องลงมาแถลงเพื่อให้ท่านอธิบดีได้เข้าใจในตัวผมว่าผมเข้าใจในตัวท่านจึงได้ยับยั้ง ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดว่าผมรังแก" นายธีระชน กล่าว

นายธีระชน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตนเองยังได้สั่งการให้รวบรวมเอกสารส่งชี้แจงไปยังคณะกรรมการป.ป.ช.เนื่องจากมีส.ส.ได้ไปยื่นเรื่องไว้ ก็ขอใช้สิทธิชี้แจงเบื้องต้น ส่วนสตง.ก็โทรศัพท์ขอด้วยว่าวาจาซึ่งกทม.ก็จะจัดส่งเอกสารการว่าจ้างบีทีเอสเดินรถไปให้เช่นกันไป

ทั้งนี้ทางกทม.จะได้ทำเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่า "ทำไม ผู้ว่าฯกทม.ตัดสินใจไม่ต่อสัมปทานBTS" ซึ่งจะไปแจกจ่ายให้กับประชาชน พร้อมตีพิมพ์เผยแพร่ผ่านทางสื่อต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อมูลที่แท้จริงว่าทางกทม.ไม่ได้ต่อสัมปทาน แต่เป็นการจ้างเดินรถ 30 ปี เพื่อให้ผู้ว่าฯกทม.ในอนาคตกำหนดอัตราค่าโดยสารได้

ด้านนายอัศวัชร์ อภัยวงศ์ ที่ปรึกษานายธีระชน กล่าวว่า กรณีที่ส.ส. พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องร้องเรียนกทม.จ้างเดินรถบีทีเอส 30 ปี ต่อดีเอสไอนั้น กรณีเหมือนกับการแจ้งความผิดโรงพัก เพราะดีเอสไอไม่มีอำนาจในการสอบสวน ซึ่งที่ผ่านมานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาแถลงเมื่อวั่นที่ 12 มิ.ย. ในทำนองว่านักฟุตบอลเล่นผิดกติกาแล้วมาโทษกรรมการ นายธาริตคงลืมไปว่าความจริงแล้วเป็นเพียงคนดูฟุตบอลแล้ว แต่คิดว่าตัวเองเป็นกรรมการจึงกระโดดลงสนาม เอานกหวีดมาเป่าเข้าข้างส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เล่นผิดกติกา ซึ่งที่จริงแล้วกรรมการตัวจริงในเกมนี้คือ ป.ป.ช. ไม่ใช่ดีเอสไอ
กำลังโหลดความคิดเห็น