ร้อง “เพื่อไทย” สอบ “มงคลกิตติ์” พาเด็กบดินทรฯ อดข้าว แฉเบื้องหลังเปิดบริษัท ทำธุรกิจจัดหาครูต่างชาติ แต่เพราะเสียผลประโยชน์จึงผูกใจเจ็บ ขณะที่การประชุม ส.ส.เพื่อไทย “มานิตย์ ส.ส.สุรินทร์-อรุณี ส.ส.พะเยา” เสนอเปลี่ยนตัว “สุชาติ” พ้นเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ ชี้ ตั้งแต่เป็น รมว.ศึกษาฯ ไม่เคยมาประชุมพรรค แถมเข้าถึงยาก ร้องเรียนไม่เคยใส่ใจ
วันนี้ (29 พ.ค.) นายยศรินทร์ ตลับนาค ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 3 นำตัวแทนนักเรียนในนามเครือข่ายคนดีปกป้องโรงเรียน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่น่าจะเป็นแกนนำในการนำเด็กนักเรียนโรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มาอดข้าวประท้วงพร้อมทั้งร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ โดยอ้างว่า ผู้บริหารโรงเรียนและโรงเรียนต่างๆ เรียกรับเงินเพื่อแลกกับสิทธิในการได้เข้าเรียนต่อ
นายยศรินทร์ กล่าวว่า ถือเป็นการใส่ร้ายและสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า กรณีดังกล่าวน่าจะมีเบื้องหลัง เนื่องจากนายมงคลกิตติ์นั้น ได้เปิดบริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด โดยมี นายมงคลกิตติ์ เป็นกรรมการบริษัทเพียงคนเดียว โดยบริษัทดังกล่าวรับจัดหาครูชาวต่างชาติมาสอนในโปรแกรมมเอ็มอีพีชั้นมัธยมปลาย ในหลายโรงเรียน แต่ปรากฏว่า ไม่ผ่านการประเมินผลคุณภาพการศึกษา ดังนั้น จึงเชื่อว่า น่าจะเป็นเหตุให้ นายมงคลกิตติ์ เกิดความผูกใจเจ็บจึงพยายามใส่ร้ายป้ายสีโรงเรียนให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังอ้างตัวด้วยว่า มีตำแหน่งมากมาย โดยเฉพาะตำแหน่งกรรมการคณะทำงานข้อมูลทรัพย์สิน สำนักงาน ป.ป.ช.ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้สื่อมวลชนร่วมตรวจสอบบุคคลดังกล่าวด้วย
ด้าน นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากมีรายละเอียดเพิ่มเติมก็จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา รวมทั้งอาจจะไปยื่นหน่วยงานอื่นๆ เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบต่อไปด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุม ส.ส.เพื่อไทย เพื่อเตรียมพร้อมและทำความเข้าใจกับ ส.ส.ก่อนที่จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานในการประชุม นอกจากนี้ ยังมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย สำหรับบรรยากาศในที่ประชุมนั้น ส.ส.หลายคนได้ลุกขึ้นพูดโจมตีการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อาทิ นายมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ และ น.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา โดยระบุว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ เมื่อได้เป็นรัฐมนตรีก็ไม่มาประชุมพรรคเลย ต่างจากสมัยที่เป็นแค่ ส.ส.ที่มาประชุมเป็นประจำ อีกทั้งการเข้าพบที่กระทรวงศึกษาธิการนั้น ก็ยากมาก ส.ส.ยื่นเรื่องร้องเรียนไปก็ไม่ได้รับการตอบสนอง โยนปัญหาทิ้งอย่างเดียว และยังได้เสนอให้เปลี่ยนตัวรมว.ศึกษาธิการอีกด้วย ทำให้ประธานในที่ประชุมต้องตัดบท ว่า จะนำความเห็นของ ส.ส.ไปสะท้อนให้กับรัฐมนตรีทราบ
เครือข่ายคนดีปกป้อง ร.ร. มอบดอกไม้ให้กำลัง สพฐ.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันเวลาประมาณ 13.00 น. นายยศรินทร์ ตลับนาค ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 3 จังหวัดนนทบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำตัวแทนนักเรียนในนามเครือข่ายคนดีปกป้องโรงเรียน และตัวแทนผู้บริหารพร้อมทั้งตัวแทนนักเรียน 4 โรงจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงเรียนราชวินิตนนทบุรี โรงเรียนปากเกร็ดนนทบุรี และโรงเรียนพรตพิทยพยัต ประมาณ 20 คน มาในนามเครือข่ายปกป้องโรงเรียน ได้เข้าพบนายชินภัทร ภูมิรัตน เพื่อให้กำลังใจพร้อมชูแผ่นป้ายมีข้อความ “หยุดทำร้ายโรงเรียนพวกหนูเสียที” , “โรงเรียนของเรา ๆ ก็รัก ครูของเรา ๆ ก็ห่วง พวกเราขอปกป้องเพื่อความถูกต้องตลอดไป”
โดย นายยศรินทร์ กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่ผลประโยชน์แอบแฝง แต่ที่ออกมาเพราะรู้สึกวงการศึกษาถูกรังแก และต้องการให้กำลังใจสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ยึดกติกาแก้ไขปัยหาดีที่สุด ส่วนเด็ก ๆ ที่มาด้วยกันก็มาเจอกันในเฟซบุ๊ก รวมตัวกันมาในวันนี้เพื่อปกป้องโรงเรียนอันเป็นที่รัก ทั้งนี้ ตนได้เดินทางไปยัง รัฐสภา และป.ป.ง. เพื่อยื่นหนังสือให้ตรวจสอบแกนนำผู้ออกมาประท้วง
“ชินภัทร” เผยรับ นร.ปี 56 เปลี่ยนเกณฑ์แน่นอน
ด้านนายชินภัทร กล่าวว่า สพฐ.ไม่ต้องการให้การขัดแย้งในเรื่องนี้เป็นปัญหาบานปลายจนเกิดความขัดแย้งในสังคม หรือแตกแยกทางความรู้สึก และ สพฐ.จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายดูแลนักเรียนทุกคนมีที่เรียนแต่จะต้องยึดตามกติกา อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานจากคณะกรรมการเยียวยาการรับนักเรียนปีการศึกษา 2555 เด็กบดินทรฯ ที่มาแจ้งความจำนง 54 รายได้รับการจัดสรรที่เรียนให้แล้ว ขณะนี้สถานการณ์กำลังไปสู่การยุติปัญญา นักเรียนยอมรับเงื่อนไขที่คณะกรรมการเยียวยาฯ จัดการให้ ขณะที่โรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนภาพรวมนั้น สพม.เขต 3 ได้เยียวยานักเรียนม.1 จำนวน 302 ราย และม.4 จำนวน 239 ราย รวม 511 ราย ส่วน สพม.เขต 4 เยียวยานักเรียนม.1 จำนวน 39 ราย และม.4 จำนวน 103 ราย รวม 142 ราย ส่วนประเด็นที่นักเรียนลาออกนั้น ทราบว่าเป็นความสมัครใจของนักเรียน ส่วนที่มีการกดดันในโรงเรียนนั้นทาง ผอ.ได้ประกาศตอนกิจกรรมหน้าเสาธงแล้วขอให้ นักเรียนทุกคนให้การยอมรับเด็กกลุ่มนี้ เพราะทุกคนที่เข้าเรียนม.4 ได้นั้นมาตามหลักเกณฑ์อย่างถูกต้อง จึงไม่ควรแบ่งแยก อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นมีความรู้สึกรุนแรงแต่ขอให้ผู้บริหารดูแลอย่างใกล้ชิด
“นโยบายการรับนักเรียนปีการศึกษา 2556 ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนโดยเปิดกว้างรองรับความต้องการของผู้ปกครอง ที่ต้องการส่งลูกเข้าโรงเรียนดัง และในเร็ว ๆ นี้ประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จะมีการประชุมระดมความเห็นเพื่อจัดทำนโยบายรับนักเรียนปีการศึกษา 2556 โดยนำบทเรียนกรณีโรงเรียนบดิทรฯ และโรงเรียนอื่น ๆ ในปีนี้มาร่วมพิจารณา อย่างไรก็ตาม หลักการที่ สพฐ.ยึดในการจัดทำนโยบายรับนักเรียนปี 2556 คือ จัดบริการการศึกษาตอบสนองผู้บริโภค เหมือนการศึกษาเป็นสินค้า ใช้มุมมองของดีมานต์และซัพพลาย เพราะฉะนั้นจะมีการขยายการรับนักเรียนในโรงเรียนดังซึ่งอาจจะจัดทำใน 4 แนวทาง 1.อาคารว่างอยู่ก็จัดห้องเรียนเพิ่มพร้อมครูและอุปกรณ์ 2.ถ้าอาคารเรียนไม่พอจะสร้างเพิ่ม 3.ถ้าโรงเรียนขยายไม่ออกจะหาโรงเรียนใกล่เคียงมาเป็นโรงเรียนสาขา และประการสุดท้ายถ้าจำเป็นจะให้ใช้ระบบไทม์แชร์ริ่ง คือ แบ่งเวลาเรียนภาคเช้าและภาคบ่าย ทั้งนี้ นโยบายนี้คตอบสนองนโยบายรัฐมนตรี”เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ส่วนกรณีที่ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตและคอรัปชันแห่งชาติ (ภตช.) ไปยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอส) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ให้มีการตรวจสอบโรงเรียนดัง 20 โรงนั้น นายชินภัทร กล่าวว่า หากหน่วยงานต่าง ๆ มีการร้องขอคำชี้แจงมา ตนพร้อมไปชี้แจงกระบวนการรับนักเรียนที่ได้ดำเนินการไปแน่นอน
ยันเด็กอีก 2 คนยังไม่ลาออกเตรียมทำหนังสือแฉแกนนำ ภตช.
นายปรีชา จิตรสิงห์ ประธานคณะกรรมการรับนักเรียนโรงเรียนบดินทรฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีนักเรียนลาออกเพิ่ม โดยมีเพียง 1 คนซึ่งเป็นแกนนำที่ไปอดข้าวประท้วง เนื่องจากทนแรงกดดันจากเพื่อน ๆ ไม่ไหว และได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา แล้ว ส่วนนักเรียนอีก 2 คนที่เป็นแกนนำในการอดข้าวประท้วงเช่นกัน ยังไม่ลาออก โดยทางโรงเรียนยืนยันว่าทั้ง 3 คน กลับเข้ามาเรียนได้ประคะแนนผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด อย่างไรก็ตามกรณีนักเรียนลาออกเพราะทดรับแรงกดดันจากเพื่อนไม่ไหวนั้น เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับครูเพื่อขอให้ไปกำชับให้เพื่อนนักเรียนไม่ให้ไปซ้ำเติมนักเรียนที่ยังเรียนอยู่ เพราะคิดว่าปัญหาดังกล่าวหากไม่เกิดขึ้นกับตัวเองก็คงไม่เข้าใจ
สำหรับกรณีที่นายมงคลกิตติ์ เข้าร้องเรียนต่อ ปปง. ดีเอสไอ ป.ป.ท. นั้น ตนในฐานะเลขาสมาคมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย ได้เชิญผู้อำนวยการหรือตัวแทนโรงเรียนที่ถูกกล่าวหา และผู้เกี่ยวข้องประมาณ 30 คนมาหาแนวทางแก้ไขเรื่องดังกล่าวร่วมและได้ยื่นหนังสือ ชี้แจ้งเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ เพื่อสร้างความเข้าใจให้หน่วยงานที่ทำการตรวจสอบแล้ว
“ที่ผ่านมานายมงคลกิตติ์ ชอบข่มขู่โรงเรียน เพราะโกรธแค้นเรื่องธุรกิจ การประมูลจัดหาครูต่างประเทศ เมื่อไปประมูลที่ไหนแล้วไม่ได้ก็จะกล่าวหาว่าผู้บริหารโรงเรียนมีนอกมีใน ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนหลายท่านได้รับความเสียหาย ส่วนว่าผู้บริหารคนใดจะฟ้องกลับหรือไม่นั้นผมคงไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล”นายปรีชากล่าว