สพฐ.เตรียมแก้เกณฑ์รับ นร.เปิดช่องโรงเรียนดัง เพิ่มห้อง ม.ปลาย

ผู้ปกครอง ระบุ รอดูผลการเยียวยาฯ ยันไม่ให้นักเรียนบดินทรฯ อดข้าวอีกแล้ว ด้าน ร.ร.เรียกสำรองเพิ่มอีก 13 ราย มีนักเรียนอดข้าวร่วมอยู่ 1 ราย ด้าน สพฐ.เตรียมแก้ไขเกณฑ์รับนักเรียน เปิดช่องให้โรงเรียนดัง เพิ่มห้องเรียนระดับ ม.ปลาย หวังประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เด็กเก่าได้เรียนต่อ โรงเรียนรับนักเรียนภายนอกเพิ่มได้

วันนี้ (23 พ.ค.) นายณรงค์ นิยมราช แกนนำผู้ปกครองนักเรียน ชั้น ม.3 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ที่เรียกร้องให้โรงเรียนรับเด็กกลับเข้าเรียนต่อ ม.4 โรงเรียนเดิม เปิดเผยว่า ทางกลุ่มผู้ปกครองที่รวมตัวมาเรียกร้องเรื่องนี้นั้น ยังไม่มีมติให้นักเรียนอดข้าวประท้วงต่อ หากโรงเรียนไม่รับนักเรียนทุกคนกลับเข้าเรียน โดยจะขอรอดูผลการเยียวยาของคณะกรรมการเยียวยานักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการรับนักเรียนปีการศึกษา 2555 ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กทม.เขต 2 ก่อน หากพบว่า ผลการเยียวยาไม่มีความสมเหตุสมผล จึงค่อยพิจารณาว่าจะดำเนินการใดๆ ต่อไปอาจจะใช้มาตรการอื่นๆ แต่ยืนยันว่า จะไม่ให้นักเรียนกลับไปอดข้าวประท้วงอีกอย่างแน่นอน

“ตอนนี้ความคิดของผู้ปกครองแต่ละคนค่อนข้างหลากหลาย และถือเป็นความเห็นส่วนบุคคล บางครั้งก็พอใจให้ลูกไปเข้าเรียนใน โรงเรียน 12 แห่งที่ทางกรรมการเยียวยาจัดเตรียมไว้รองรับ แต่บางคนก็ยังยืนยันอยากให้ลูกเรียนต่อที่เดิม ซึ่งสุดท้ายเมื่อผลการเยียวยาออกมาก็คงมีการพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ส่วนตัวก็ยังเชื่อว่า นักเรียนส่วนใหญ่สามารถเข้าเกณฑ์ของโรงเรียนได้”นายณรงค์ กล่าว

นายปรีชา จิตรสิงห์ ประธานคณะกรรมการรับนักเรียนโรงเรียนบดินทรฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีนักเรียสละสิทธิ์ 20 คน โรงเรียนได้เรียกนักเรียนที่มีคะแนนอยู่ในอันดับถัดไปมาเข้าเรียนแทน แต่ปรากฏว่า มารายงานตัวแค่ 17 คน เหลือที่ว่างอีก 3 คน ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พ.ค. โรงเรียนได้สำรวจอีกครั้ง พบว่า มีนักเรียนสละสิทธิ์เพิ่มอีก 10 คน รวมแล้วมีที่ว่างทั้งหมด 13 คน ทางโรงเรียนจึงเตรียมเรียกนักเรียนที่มีคะแนนลำดับถัดไปมาแทน และพบว่า 1 ใน 13 คนนั้น มีนักเรียนที่เคยมาประท้วงอยู่ 1 คน อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่มาประท้วงรายอื่นๆ ซึ่งมีคะแนนไม่ถึง และคุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์ ขอให้ไปรายงานตัวที่คณะกรรมการเยียวยาของ สพม.กทม.2 ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เพื่อรับการจัดสรรที่เรียนให้โรงเรียนที่จัดไว้ 12 แห่ง

ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า โรงเรียน 12 แห่ง ที่จัดไว้รองรับ นักเรียนบดินทรฯ นั้น แม้หลายโรงจะมีชื่อเสียง แต่ก็ยังมีที่ว่างอยู่ ไม่ได้มีการขยายห้องเรียนเพื่อรับนักเรียนบดินทรฯโดยเฉพาะ ซึ่งทางคณะกรรมการเยียวยาฯ กำหนดให้ผู้ปกครองแจ้งความประสงค์ พร้อมระบุโรงเรียนภายในวันที่ 25 พ.ค.นี้ แต่หากไม่ระบุ คณะกรรมการเยียวยาฯ จะจัดสรรให้เอง โดยยึดหลักพื้นที่ใกล้บ้าน อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานจากประธานคณะกรรมการรับนักเรียนของโรงเรียนบดินทรฯ ด้วย ว่า จนถึงตอนนี้มีนักเรียนสละสิทธิ์ประมาณ 33 คน และในจำนวนนี้มีเด็กที่ออกมาชุมนุมบางส่วนเรียกเข้าไปเรียนแล้ว ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ที่ถูกเรียกเข้าเรียนเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดย สพฐ.ได้เร่งรัดให้กระบวนการทั้งหมดต้องให้แล้วเสร็จภายใน 25 พ.ค.นี้ เพื่อให้ทันรายงานวันที่ 28 พ.ค.นี้ แต่หากนักเรียนยังยืนยันจะเข้าเรียนโรงเรียนเดิมนั้น ก็ขอยืนยันว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกติกาที่วางไว้

“ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวนั้น สพฐ.จะปรับแก้เกณฑ์การรับนักเรียนใหม่ เปิดโอกาสให้นักเรียน ม.3 เดิมมีโอกาสเรียนต่อที่เดิมมากขึ้น แต่ไม่ใช่ปล่อยผ่าน ให้ทุกคนเรียนต่อ ม.4 ได้โดยอัตโนมัติ ยังต้องมีระบบคัดเลือกนักเรียนที่มีศักยภาพเหมาะสมไว้ มิฉะนั้น จะกระทบต่อคุณภาพของนักเรียน เพราะฉะนั้น อาจคงสัดส่วน นักเรียนเก่าและนักเรียนใหม่ไว้ที่ 80/20 เหมือนเดิม แต่สำหรับโรงเรียนที่มีความนิยมสูง สพฐ.จะไฟเขียวให้เพิ่มห้องเรียนในระดับ ม.ปลาย เพราะฉะนั้น จำนวนนักเรียนเก่าที่จะได้สิทธิ์เรียนต่อ ม.4 ก็จะเพิ่มขึ้น แต่โรงเรียนที่จะเพิ่มห้องเรียนระดับ ม.ปลาย นั้น ต้องขอ สพฐ.และทำแผนให้ชัดเจนล่วงหน้า” นายชินภัทร กล่าว

ขณะที่ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัด ศธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบ ว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบโดยยึดตามหนังสือ 2 ฉบับ ได้แก่ หนังสือจากผู้ปกครอง 5 คน และหนังสือจากภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันแห่งชาติ (ภตช.) ที่ส่งมอบให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในเวลานี้ แต่ก็ตั้งข้อสังเกตเช่นกัน ว่า หนังสือของผู้ปกครอง และ ภตช.นั้น มีเนื้อหาเหมือนกัน เบื้องต้นได้รายงานความคืบหน้าให้ รมว.ศึกษาธิการ ทราบ และลงนามเพื่อส่งรายงานไปยัง นายกรัฐมนตรีแล้ว จากนี้กรรมการจะลงไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมคาดว่าสัปดาห์หน้าจะสรุปรายงานได้