นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เคยได้รับการยกย่องสรรเสริญในฐานะข้าราชการที่เป็นความหวังของสังคม ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ตรงไปตรงมา โดยไม่เกรงกลัวนักการเมืองหน้าไหน
แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ
เวลาเปลี่ยน อำนาจรัฐเปลี่ยน นายธาริตก็เปลี่ยนตาม เปลี่ยนจากข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด มีความมุ่งมั่นในการรักษาความถูกต้อง และทุ่มเทการทำงานเพื่อประชาชน กลับกลายเป็นข้าราชการที่ดูเหมือนจะยอมสวามิภักดิ์นักการเมืองไปอย่างสุดจิตสุดใจไปแล้ว
และรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอย่างออกนอกหน้า
ใครจะคิดว่า ข้าราชการที่สังคมอุตส่าห์ยกย่อง สังคมทุ่มเทความหวัง และเป็นกำลังให้ตลอดมา จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ถึงขนาดนี้
ชื่อของ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เด่นดังขึ้นมาสมัยที่เป็นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพราะเป็นข้าราชการที่ใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
นานๆ จะได้มีข้าราชการดีๆ สักคน นานทีเดียวที่จะได้เห็นข้าราชการที่เป็นความหวังให้ประชาชนได้ชื่นชมเสียที แต่นายธาริตได้ทำลายความหวังของสังคมไปจนสิ้น
ไม่มีใครรู้ว่านายธาริตเจรจาต่อรองอะไรกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์หรือไม่ มีข้อตกลงอะไรกันหรือเปล่า จึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
เปลี่ยนจากคนที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน จากข้าราชการที่เกลียดการโกงกินและการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่ชอบธรรม ตามดำเนินคดีลูกสมุนระบอบทักษิณชนิดถึงลูกถึงคน กลายเป็นข้าราชการที่แทบจะหมอบอยู่แทบเท้านางสาวยิ่งลักษณ์
นายธาริตเป็นข้าราชการหมายเลขหนึ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และอาจรวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หมายหัวไว้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงเคยประกาศไว้ ถ้าได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ จะย้ายนายธาริตพ้นจากดีเอสไอทันที
แต่ผ่านมาประมาณ 9 เดือนแล้ว นายธาริตก็ยังอยู่ และเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอก็ยังแน่นปึก จึงตั้งข้อสงสัยกันว่า มีการแลกเปลี่ยนอะไรกันหรือไม่ ระหว่างตำแหน่ง การไม่ขุดคดีการรับสินบนของ “หลังบ้าน” กับการทำงานรับใช้ทางการเมือง
เพราะกรณีให้การเท็จ คดีซุกหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กรมสอบสวนคดีพิเศษก็แถลงออกมาแล้ว ไม่พบความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์
และแม้แต่คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษก็สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว โดยอ้างว่า ไม่พบพฤติกรรมความผิด จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งประเทศ
ตัวตนที่แท้จริงของนายธาริตเป็นอย่างไร คงเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนแล้ว โดยบทบาทอันโดดเด่นในอดีต อาจเป็นเพียงฉาก
หนึ่งของการสร้างภาพ เพื่อตะเกียกตะกายไปสู่ตำแหน่ง จนสามารถก้าวจากเลขาธิการ ป.ป.ท.ขึ้นมาเป็นอธิบดีดีเอสไอ
และเพื่อดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอต่อไป ก็พร้อมจะเปลี่ยนภาพตัวเองอีก จากข้าราชการที่ได้รับการสรรเสริญ เป็นข้าราชการที่สังคมรุมประณาม
นายธาริตหลอกเสียสนิท หลอกให้สังคมหลงเชื่อว่า เป็นข้าราชการสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่ติดยึดในลาภ ยศ สรรเสริญ หลอกให้เชื่อว่า เป็นแบบอย่างของข้าราชการที่ดี โดยไม่ยอมให้นักการเมืองกดหัว ทั้งที่จริงแล้ว ก็เป็นเพียงข้าราชการที่พร้อมจะเปลี่ยนสี ย้ายขั้ว เลือกข้างนักการเมืองที่มีอำนาจ และยอมรับใช้อย่างซื่อสัตย์ เช่นเดียวกับข้าราชการแทบทั้งระบบ
นายธาริตอาจไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ที่มุ่งรับใช้นักการเมืองอย่างสุดชีวิต ไม่ใส่ใจการถูกรุมประณาม และอาจมีความสุขกับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอต่อไป
แต่นายธาริตคิดบ้างหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจมีความสุขมากกว่า
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง กำลังมีความสุขยิ่งกว่า
ทุกคนรู้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ชอบหน้านายธาริตเท่าไหร่นัก ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณไม่โปรดแน่ เพราะสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ดีเอสไอไล่ล่าคดีที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณและคนเสื้อแดงอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ทำไมรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จึงไม่ปลดนายธาริต ทั้งที่จะปลดเมื่อไหร่ก็ได้
เป็นไปได้หรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังล้างแค้นนายธาริตอย่างสาสม และด้วยความสะใจ โดยให้อยู่ในตำแหน่งต่อ
การสั่งปลด การฆ่าให้ตาย ง่ายเกินไป เพราะนายธาริตจะตายเพียงครั้งเดียว และตายเยี่ยงวีรบุรุษเสียด้วย
สู้ปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งต่อ ปล่อยให้ตายซ้ำตายซาก ตายอย่างช้าๆ และทรมานดีกว่าปล่อยให้นายธาริตถูกกระชากหน้ากาก ปล่อยให้แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า คนที่เคยคิดว่าเป็นวีรบุรุษ ที่แท้ก็เป็นเพียงข้าราชการที่ต้องรุมประณามคนหนึ่งเท่านั้น
แผนการทำลายความเป็นวีรบุรุษจอมปลอมได้ผลแล้ว เพราะสังคมไม่เหลือความทรงจำที่ดีของนายมาริตแล้ว
ถ้าคิดอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ แค้นฝังใจอย่าง “ทักษิณ” และอำมหิตเหมือน “ทักษิณ” ก็ต้องเล่นบทนี้กับนายธาริต เพราะสะใจดี
จะสั่งปลดก็ดีเกินไป สู้ปล่อยให้ทำลายตัวเอง กลายเป็นข้าราชการตายซากสะใจกว่า แถมยังกำราบศัตรูให้กลายเป็นทาสรับใช้ที่ภักดีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนด้วย
ไม่รู้ “ธาริต” ยังภูมิใจที่ยึดเก้าอี้อธิบดีดีเอสไออยู่หรือเปล่า ยังมีความสุขกับตำแหน่งจริงหรือ ในเมื่อลมหายใจที่หลงเหลือ คือลมหายใจของคนไร้ศักดิ์ศรี
ถ้าอยู่ต่อไปอย่างคนไร้ศักดิ์ศรี ถ้าต้องอยู่อย่างทาสรับใช้เพียงเพื่อความสะใจของระบอบทักษิณ ยอมตายเสียดีกว่า
แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ
เวลาเปลี่ยน อำนาจรัฐเปลี่ยน นายธาริตก็เปลี่ยนตาม เปลี่ยนจากข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด มีความมุ่งมั่นในการรักษาความถูกต้อง และทุ่มเทการทำงานเพื่อประชาชน กลับกลายเป็นข้าราชการที่ดูเหมือนจะยอมสวามิภักดิ์นักการเมืองไปอย่างสุดจิตสุดใจไปแล้ว
และรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอย่างออกนอกหน้า
ใครจะคิดว่า ข้าราชการที่สังคมอุตส่าห์ยกย่อง สังคมทุ่มเทความหวัง และเป็นกำลังให้ตลอดมา จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ถึงขนาดนี้
ชื่อของ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เด่นดังขึ้นมาสมัยที่เป็นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพราะเป็นข้าราชการที่ใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
นานๆ จะได้มีข้าราชการดีๆ สักคน นานทีเดียวที่จะได้เห็นข้าราชการที่เป็นความหวังให้ประชาชนได้ชื่นชมเสียที แต่นายธาริตได้ทำลายความหวังของสังคมไปจนสิ้น
ไม่มีใครรู้ว่านายธาริตเจรจาต่อรองอะไรกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์หรือไม่ มีข้อตกลงอะไรกันหรือเปล่า จึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
เปลี่ยนจากคนที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน จากข้าราชการที่เกลียดการโกงกินและการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่ชอบธรรม ตามดำเนินคดีลูกสมุนระบอบทักษิณชนิดถึงลูกถึงคน กลายเป็นข้าราชการที่แทบจะหมอบอยู่แทบเท้านางสาวยิ่งลักษณ์
นายธาริตเป็นข้าราชการหมายเลขหนึ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และอาจรวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หมายหัวไว้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงเคยประกาศไว้ ถ้าได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ จะย้ายนายธาริตพ้นจากดีเอสไอทันที
แต่ผ่านมาประมาณ 9 เดือนแล้ว นายธาริตก็ยังอยู่ และเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอก็ยังแน่นปึก จึงตั้งข้อสงสัยกันว่า มีการแลกเปลี่ยนอะไรกันหรือไม่ ระหว่างตำแหน่ง การไม่ขุดคดีการรับสินบนของ “หลังบ้าน” กับการทำงานรับใช้ทางการเมือง
เพราะกรณีให้การเท็จ คดีซุกหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กรมสอบสวนคดีพิเศษก็แถลงออกมาแล้ว ไม่พบความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์
และแม้แต่คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษก็สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว โดยอ้างว่า ไม่พบพฤติกรรมความผิด จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งประเทศ
ตัวตนที่แท้จริงของนายธาริตเป็นอย่างไร คงเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนแล้ว โดยบทบาทอันโดดเด่นในอดีต อาจเป็นเพียงฉาก
หนึ่งของการสร้างภาพ เพื่อตะเกียกตะกายไปสู่ตำแหน่ง จนสามารถก้าวจากเลขาธิการ ป.ป.ท.ขึ้นมาเป็นอธิบดีดีเอสไอ
และเพื่อดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอต่อไป ก็พร้อมจะเปลี่ยนภาพตัวเองอีก จากข้าราชการที่ได้รับการสรรเสริญ เป็นข้าราชการที่สังคมรุมประณาม
นายธาริตหลอกเสียสนิท หลอกให้สังคมหลงเชื่อว่า เป็นข้าราชการสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่ติดยึดในลาภ ยศ สรรเสริญ หลอกให้เชื่อว่า เป็นแบบอย่างของข้าราชการที่ดี โดยไม่ยอมให้นักการเมืองกดหัว ทั้งที่จริงแล้ว ก็เป็นเพียงข้าราชการที่พร้อมจะเปลี่ยนสี ย้ายขั้ว เลือกข้างนักการเมืองที่มีอำนาจ และยอมรับใช้อย่างซื่อสัตย์ เช่นเดียวกับข้าราชการแทบทั้งระบบ
นายธาริตอาจไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ที่มุ่งรับใช้นักการเมืองอย่างสุดชีวิต ไม่ใส่ใจการถูกรุมประณาม และอาจมีความสุขกับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอต่อไป
แต่นายธาริตคิดบ้างหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจมีความสุขมากกว่า
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง กำลังมีความสุขยิ่งกว่า
ทุกคนรู้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ชอบหน้านายธาริตเท่าไหร่นัก ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณไม่โปรดแน่ เพราะสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ดีเอสไอไล่ล่าคดีที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณและคนเสื้อแดงอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ทำไมรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จึงไม่ปลดนายธาริต ทั้งที่จะปลดเมื่อไหร่ก็ได้
เป็นไปได้หรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กำลังล้างแค้นนายธาริตอย่างสาสม และด้วยความสะใจ โดยให้อยู่ในตำแหน่งต่อ
การสั่งปลด การฆ่าให้ตาย ง่ายเกินไป เพราะนายธาริตจะตายเพียงครั้งเดียว และตายเยี่ยงวีรบุรุษเสียด้วย
สู้ปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งต่อ ปล่อยให้ตายซ้ำตายซาก ตายอย่างช้าๆ และทรมานดีกว่าปล่อยให้นายธาริตถูกกระชากหน้ากาก ปล่อยให้แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า คนที่เคยคิดว่าเป็นวีรบุรุษ ที่แท้ก็เป็นเพียงข้าราชการที่ต้องรุมประณามคนหนึ่งเท่านั้น
แผนการทำลายความเป็นวีรบุรุษจอมปลอมได้ผลแล้ว เพราะสังคมไม่เหลือความทรงจำที่ดีของนายมาริตแล้ว
ถ้าคิดอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ แค้นฝังใจอย่าง “ทักษิณ” และอำมหิตเหมือน “ทักษิณ” ก็ต้องเล่นบทนี้กับนายธาริต เพราะสะใจดี
จะสั่งปลดก็ดีเกินไป สู้ปล่อยให้ทำลายตัวเอง กลายเป็นข้าราชการตายซากสะใจกว่า แถมยังกำราบศัตรูให้กลายเป็นทาสรับใช้ที่ภักดีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนด้วย
ไม่รู้ “ธาริต” ยังภูมิใจที่ยึดเก้าอี้อธิบดีดีเอสไออยู่หรือเปล่า ยังมีความสุขกับตำแหน่งจริงหรือ ในเมื่อลมหายใจที่หลงเหลือ คือลมหายใจของคนไร้ศักดิ์ศรี
ถ้าอยู่ต่อไปอย่างคนไร้ศักดิ์ศรี ถ้าต้องอยู่อย่างทาสรับใช้เพียงเพื่อความสะใจของระบอบทักษิณ ยอมตายเสียดีกว่า
