สวธ.สร้างนักเก็บข้อมูล ภูมิปัญญาศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช หวังเป็นฐานยกระดับจดทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ต่อยูเนสโก
นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สวธ.ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชน จ.นครพนม โดยได้เชิญนักวิชาการวัฒนธรรมที่รับผิดชอบโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ผู้แทนแหล่งเรียนรู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการเก็บรวบรวมข้อมูลมรดกภูมิปัญญา 6 สาขา ได้แก่ ศิลปะการแสดง งานช่างฝีมือดั้งเดิมวรรณกรรมพื้นบ้าน กีฬาภูมิปัญญาไทย แนวทางปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล
นางปริศนา กล่าวว่า เราเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมเห็นวิธีการอย่างง่ายในการเก็บข้อมูล เห็นศักยภาพของตนเอง รวมถึงของดีในพื้นที่ เพื่อที่จะได้นำกลับไปเขียนแผนพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่ง สวธ.ได้ดำเนินการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการมาแล้วจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ ภาคใต้ ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหลือเพียงภาคกลาง จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 มิ.ย.จ.นครปฐม
สำหรับความคืบหน้าต้นแบบ ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ขณะนี้ได้คัดเลือกเสร็จแล้ว จังหวัดละ 2 แห่ง รวม 10 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนพัฒนา ในเรื่องของพื้นที่ คลังข้อมูลเดิมให้เกิดศักยภาพมากขึ้น ส่วนจังหวัดอื่นๆ นั้น ก็ให้มีการจัดทำแผนพัฒนาศูนย์ฯส่งเข้ามาให้ทาง สวธ.พิจารณาอย่างต่อเนื่อง โดย สวธ.จะเน้นว่า ต้องมีพื้นที่อยู่แล้ว รวมถึงมีการรวบรวมข้อมูลอยู่บางส่วน เพื่อให้การก่อตั้งเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หากจะตั้งกันขึ้นมาใหม่เลย ตนคิดว่า จะเกิดความล่าช้า
“ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช เป็นการต่อยอดจากโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ที่มีเนื้อหาหลากหลาย แต่ศูนย์วัฒนธรรมฯจะเน้นเก็บรวบรวมคลังภูมิปัญญาเพียงอย่างเดียว หรือที่เราเรียกกันว่า มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เพื่อไว้ใช้เป็นฐานข้อมูลในการขึ้นทะเบียนในระดับท้องถิ่น รวมถึงระดับชาติ ในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ กับยูเนสโก หากเราได้เข้าเป็นภาคีกับยูเนสโกแล้ว ประเทศไทยก็จะมีความพร้อมในเรื่องของข้อมูลที่สำคัญการเก็บรวบรวมข้อมูลนี้ยังเป็นการรักษาภูมิปัญญาของชาติไม่ให้สูญหายอีกทางหนึ่งด้วย” นางปริศนา กล่าวทิ้งท้าย
นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สวธ.ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชน จ.นครพนม โดยได้เชิญนักวิชาการวัฒนธรรมที่รับผิดชอบโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ผู้แทนแหล่งเรียนรู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช จาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการเก็บรวบรวมข้อมูลมรดกภูมิปัญญา 6 สาขา ได้แก่ ศิลปะการแสดง งานช่างฝีมือดั้งเดิมวรรณกรรมพื้นบ้าน กีฬาภูมิปัญญาไทย แนวทางปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล
นางปริศนา กล่าวว่า เราเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมเห็นวิธีการอย่างง่ายในการเก็บข้อมูล เห็นศักยภาพของตนเอง รวมถึงของดีในพื้นที่ เพื่อที่จะได้นำกลับไปเขียนแผนพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่ง สวธ.ได้ดำเนินการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการมาแล้วจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ ภาคใต้ ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหลือเพียงภาคกลาง จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 มิ.ย.จ.นครปฐม
สำหรับความคืบหน้าต้นแบบ ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ขณะนี้ได้คัดเลือกเสร็จแล้ว จังหวัดละ 2 แห่ง รวม 10 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนพัฒนา ในเรื่องของพื้นที่ คลังข้อมูลเดิมให้เกิดศักยภาพมากขึ้น ส่วนจังหวัดอื่นๆ นั้น ก็ให้มีการจัดทำแผนพัฒนาศูนย์ฯส่งเข้ามาให้ทาง สวธ.พิจารณาอย่างต่อเนื่อง โดย สวธ.จะเน้นว่า ต้องมีพื้นที่อยู่แล้ว รวมถึงมีการรวบรวมข้อมูลอยู่บางส่วน เพื่อให้การก่อตั้งเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หากจะตั้งกันขึ้นมาใหม่เลย ตนคิดว่า จะเกิดความล่าช้า
“ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช เป็นการต่อยอดจากโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ที่มีเนื้อหาหลากหลาย แต่ศูนย์วัฒนธรรมฯจะเน้นเก็บรวบรวมคลังภูมิปัญญาเพียงอย่างเดียว หรือที่เราเรียกกันว่า มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เพื่อไว้ใช้เป็นฐานข้อมูลในการขึ้นทะเบียนในระดับท้องถิ่น รวมถึงระดับชาติ ในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ กับยูเนสโก หากเราได้เข้าเป็นภาคีกับยูเนสโกแล้ว ประเทศไทยก็จะมีความพร้อมในเรื่องของข้อมูลที่สำคัญการเก็บรวบรวมข้อมูลนี้ยังเป็นการรักษาภูมิปัญญาของชาติไม่ให้สูญหายอีกทางหนึ่งด้วย” นางปริศนา กล่าวทิ้งท้าย
