องค์การค้าฯ ตั้งเป้าขายหนังสือเรียนได้ถึง 3 พันล้านบาท ยันพิมพ์ตำราเรียนเสร็จทันส่งให้ร.ร.ใช้เรียนเปิดเทอมแน่นอน ด้าน “ศศิธารา” เผยบอร์ดมอบ องค์การค้าฯ ไปทำแผนธุรกิจสร้างเครดิตจูงใจร.ร.เอกชนมาสั่งซื้อหนังสือเรียนกับ องค์การค้าฯ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นและให้มีการพัฒนารูปแบบสื่อ e-book เพื่อรองรับการใช้แท็บเล็ตด้วย
น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการพิมพ์หนังสือเรียน จำนวน 43 ล้านเล่มในปีงบประมาณ 2555 ซึ่งองค์การค้า (อค.) ของ สกสค. ได้รายงานว่าการจัดพิมพ์หนังสือเรียนจะเสร็จเรียบร้อยแล้วครบทุกกลุ่มสาระวิชาภายในเดือนเมษายนนี้แน่นอน และขณะนี้เริ่มมีการสั่งจองหนังสือแล้ว และเมื่อถึงกำหนดก็สามารถจัดส่งหนังสือไปยังโรงเรียนทันเปิดเทอมแน่นอน อย่างไรก็ตาม นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการ สกสค. ในฐานะรักษาการผอ.อค.ของ สกสค. ยืนยันว่าในปีนี้จะยอดจำหน่ายหนังสือได้แน่นอน 2,700 ล้านบาท แต่สำหรับปีนี้ อค.ของสกสค.ได้ตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายหนังสือเรียนชุดนี้ให้ได้ถึง 3,000 ล้านบาท โดยจะใช้วิธีการจำหน่ายทั้งแบบขายตรง ขายส่ง และขายปลีกร้านค้าศึกษาภัณฑ์ตามสาขาต่างๆทั่วประเทศ
“ได้กำชับว่าไม่ควรเหลือหนังสือค้างสต็อก หรือถ้าเหลือจะต้องน้อยที่สุดเพราะที่ผ่านมา อค.ของ สกสค.พิมพ์หนังสือและเหลือค้างสต็อกจำนวนมาก และยังมอบหมายให้ อค.ของ สกสค.ไปคิดแผนธุรกิจที่จะดำเนินการจำหน่ายแบบเรียนให้กับโรงเรียนเอกชนด้วย เพื่อขยายฐานลูกค้า เช่น อาจจะเปิดเครดิตให้โรงเรียนเอกชนที่มีสถานะการเงินดีและสามารถซื้อแบบเรียนจาก อค.ของ สกสค.ได้จำนวนมากรวมถึงพร้อมที่จะจ่ายเงินได้ทันที ซึ่งเท่ากับว่าองค์การค้าฯจะมีช่องทางการจำหน่ายแบบเรียนได้มากขึ้นโดยจะส่งผลให้เป้าหมายการขายหนังสือเรียนขององค์การค้าฯเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้ อค.ของ สกสค. ก็ต้องไปวางแผนจัดทำ e-book เพื่อรองรับการใช้แท็บเล็ตเช่นกัน”น.ส.ศศิธารา กล่าวและว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังให้มีการศึกษาสถานะที่ดินของ อค.ของ สกสค. ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อปรับสภาพที่ดินขององค์การค้าฯที่มีอยู่ในการจัดทำแผนธุรกิจว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรบ้าง สำหรับปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหภาพองค์การค้าฯกับนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผอ.องค์การค้าฯ ภายหลังโยกย้ายให้นายสันติภาพ ออกจากตำแหน่ง ผอ.องค์การค้าฯไปก่อนนั้น การบริหารจัดการภายในองค์การค้าฯก็มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ส่วนผลการสอบสวนข้อร้องเรียนต่างๆจะรายงานให้ที่ประชุมรับทราบในสัปดาห์หน้า
น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการพิมพ์หนังสือเรียน จำนวน 43 ล้านเล่มในปีงบประมาณ 2555 ซึ่งองค์การค้า (อค.) ของ สกสค. ได้รายงานว่าการจัดพิมพ์หนังสือเรียนจะเสร็จเรียบร้อยแล้วครบทุกกลุ่มสาระวิชาภายในเดือนเมษายนนี้แน่นอน และขณะนี้เริ่มมีการสั่งจองหนังสือแล้ว และเมื่อถึงกำหนดก็สามารถจัดส่งหนังสือไปยังโรงเรียนทันเปิดเทอมแน่นอน อย่างไรก็ตาม นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการ สกสค. ในฐานะรักษาการผอ.อค.ของ สกสค. ยืนยันว่าในปีนี้จะยอดจำหน่ายหนังสือได้แน่นอน 2,700 ล้านบาท แต่สำหรับปีนี้ อค.ของสกสค.ได้ตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายหนังสือเรียนชุดนี้ให้ได้ถึง 3,000 ล้านบาท โดยจะใช้วิธีการจำหน่ายทั้งแบบขายตรง ขายส่ง และขายปลีกร้านค้าศึกษาภัณฑ์ตามสาขาต่างๆทั่วประเทศ
“ได้กำชับว่าไม่ควรเหลือหนังสือค้างสต็อก หรือถ้าเหลือจะต้องน้อยที่สุดเพราะที่ผ่านมา อค.ของ สกสค.พิมพ์หนังสือและเหลือค้างสต็อกจำนวนมาก และยังมอบหมายให้ อค.ของ สกสค.ไปคิดแผนธุรกิจที่จะดำเนินการจำหน่ายแบบเรียนให้กับโรงเรียนเอกชนด้วย เพื่อขยายฐานลูกค้า เช่น อาจจะเปิดเครดิตให้โรงเรียนเอกชนที่มีสถานะการเงินดีและสามารถซื้อแบบเรียนจาก อค.ของ สกสค.ได้จำนวนมากรวมถึงพร้อมที่จะจ่ายเงินได้ทันที ซึ่งเท่ากับว่าองค์การค้าฯจะมีช่องทางการจำหน่ายแบบเรียนได้มากขึ้นโดยจะส่งผลให้เป้าหมายการขายหนังสือเรียนขององค์การค้าฯเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้ อค.ของ สกสค. ก็ต้องไปวางแผนจัดทำ e-book เพื่อรองรับการใช้แท็บเล็ตเช่นกัน”น.ส.ศศิธารา กล่าวและว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังให้มีการศึกษาสถานะที่ดินของ อค.ของ สกสค. ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อปรับสภาพที่ดินขององค์การค้าฯที่มีอยู่ในการจัดทำแผนธุรกิจว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรบ้าง สำหรับปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหภาพองค์การค้าฯกับนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผอ.องค์การค้าฯ ภายหลังโยกย้ายให้นายสันติภาพ ออกจากตำแหน่ง ผอ.องค์การค้าฯไปก่อนนั้น การบริหารจัดการภายในองค์การค้าฯก็มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ส่วนผลการสอบสวนข้อร้องเรียนต่างๆจะรายงานให้ที่ประชุมรับทราบในสัปดาห์หน้า
