ข้าวยากหมากแพง นักวิชาการ สสส.แนะวิธีกินอาหารปลอดภัย-ลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารครึ่งหนึ่ง เผย เทรนด์ทั่วโลกปลูกผักสวนครัวรอบบ้านไว้ทานเอง “อ.สง่า” ชวนคนไทยปรับ 3 พฤติกรรม ทั้งกิน-ปรุง-ซื้อ ชี้ ดื่มน้ำเปล่า แทนกาแฟ-น้ำอัดลม ปรุงรสไม่จัด ซื้อผัก-ผลไม้ของไทยตามฤดูกาลเข้าครัวปรุงเอง
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) และผู้จัดการแผนงานความมั่นคงทางอาหาร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในภาวะที่ค่าครองชีพทุกด้านมีราคาสูง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 32% ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านอาหารเป็นค่าใช้จ่ายหลักกว่า 52% ของค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด ซึ่งผู้ที่มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงอยากเชิญชวนให้หันมาปลูกพืชผักสวนครัว สำหรับการบริโภคภายในครอบครัว จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ครึ่งหนึ่งของรายจ่ายที่จ่ายอยู่ทุกวันนี้
“ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านทาวน์เฮาส์ บ้านหลังเดี่ยว หรือแม้กระทั่งคนที่อยู่ในคอนโดมิเนียม หรือในอาคารที่ไม่มีเนื้อที่ ก็สามารถปลูกพืชผักสวนครัวได้ โดยปลูกใส่กระถาง เช่น มะนาว พริก มะเขือเทศ คะน้า และผักบุ้ง ซึ่งชาวญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ มักปลูกพริกในกระถางไว้รอบบ้าน หรือแม้แต่อเมริกาก็มีสัดส่วนการปลูกพืชสวนครัวทานเองเพิ่มขึ้นเป็น 30-35%ของการบริโภคผักทั้งหมด” นายวิฑูรย์ กล่าว
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กทม.หรือการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีเนื้อที่มาก หรือเจ้าของสถานประกอบการ ควรจัดสรรเนื้อที่ว่างให้คนเมืองมาปลูกพืชผักทานเอง อีกทั้งยังสร้างพื้นที่เมืองให้เป็นสีเขียวธรรมชาติ และช่วยส่งเสริมให้คนได้ออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมเคลื่อนไหวทางกายด้วยการปลูกผักอีกด้วย
ด้านนายสง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และที่ปรึกษาสำนักโภชนาการ สสส.และกรมอนามัย กล่าวว่า แม้ว่าอาหารจะมีราคาแพง แต่เราก็ไม่สามารถหยุดทานอาหารหรือลดปริมาณได้ เพราะร่างกายยังต้องการอาหารอยู่ จึงอยากแนะนำให้ปรับ 3 อย่าง คือ 1.ปรับพฤติกรรมการกิน คือ กินอาหารที่มีประโยชน์ เลิกดื่มน้ำอัดลม กาแฟ ซึ่งมีราคาแพง หันมาดื่มน้ำเปล่าแทน รวมถึงทานอาหารที่มีในประเทศและปลูกได้เองด้วย 2.ปรับพฤติกรรมการปรุง คือ ปรุงอาหารรสไม่จัด ทำให้ประหยัดเครื่องปรุง และยังดีต่อสุขภาพ ไม่ทานรสเค็มจัด หวานจัด มันจัด หรือหันมาทานอาหารที่ปรุงครั้งเดียวแต่เก็บไว้ทานได้หลายมื้อ เช่น น้ำพริกกะปิ สามารถเก็บมาทำข้าวคลุกกะปิได้ และ 3.ปรับพฤติกรรมการซื้อ คือ จากทานข้าวนอกบ้าน หรือฟาสต์ฟูดราคาแพง เปลี่ยนมาทำอาหารทานเองที่บ้าน หรือสั่งอาหารแต่พอดีจำนวน หรือหันมาซื้อผักผลไม้พื้นบ้านแทนนำเข้าจากต่างประเทศ
