“สุชาติ” ลุ้น ร่าง พ.ร.บ.กรอ.เข้า ครม.สัปดาห์นี้ เจ้าตัวเผยความจริงควรจะเข้าแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแต่กลับไม่เข้า ย้ำ กรอ.ใหม่ ไม่มีการจับลูกหนี้ทำสัญญา
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้พยายามสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ว่า เหตุใดร่าง พ.ร.บ.กรอ.ไม่ได้นำเข้าสู่วาระของที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเข้าใจ เรื่องนี้ต้องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ตั้งแต่สัปดาห์ดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ทันต่อการปล่อยกู้ปีการศึกษา 2555 ซึ่งจะเริ่มเปิดเทอมเดือนพฤษภาคม นี้ และในส่วนของ ศธ.เอง ก็พยายามเร่งรัดให้มีการยกร่างฎหมายรองรับ กรอ.เข้าสู่ขั้นตอนโดยเร็ว และประกาศใช้ให้เร็วที่สุด ดังนั้น ตั้งความหวังว่า เรื่อง กรอ.จะเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า กรอ.ใหม่นี้ จะทำในลักษณะเป็นการให้ทุนแก่ผู้เรียน ไม่มีการทำสัญญากู้เงิน และไม่มีการฟ้องร้องเมื่อผู้กู้เบี้ยวการชำระเงิน แต่มีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้กู้ต้องผ่อนชำระเงินคืนเมื่อสำเร็จการศึกษา และได้ทำงานที่มีรายได้ต่อเดือน 16,000 บาทขึ้นไป โดยให้ผ่อนชำระในอัตรา 2 ถึง 3% ของวงเงินกู้ ทั้งนี้ การปล่อยกู้จะให้กู้ทุกสาขาวิชา แต่ในสาขาขาดแคลนจะได้รับการพิจารณาก่อน และให้กู้เป็น 3 ส่วน คือ ค่าเทอม ค่าอุปกรณ์ และค่าครองชีพ ซึ่งในส่วนของค่าครองชีพนั้น ผู้กู้ต้องมาจากครอบครัวที่รายได้ไม่เกิน 300,000 บาท จึงจะเป็นสิทธิขอกู้ค่าครองชีพได้ ที่สำคัญ ผลการเรียนของผู้กู้จะเป็นตัวตัดสินการปล่อยกู้ต่อด้วย หากผู้กู้เรียนได้คะแนนตกต่ำ ต้องออกจากการเรียน ก็อาจไม่ได้รับการพิจารณาให้กู้ต่อ
ด้าน นพ.ธารา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า การเสนอเรื่องเข้า ครม.นั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง ซึ่งเข้าใจว่า ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่วาระเยอะ ครม.จึงยังไม่ได้พิจารณา และคาดว่า จะเลื่อนมาพิจารณาในสัปดาห์นี้แทน ทั้งนี้ การเสนอเรื่องเข้า ครม.นั้น เป็นเพียงการขออนุมัติในหลักการให้มีการฟื้นกองทุน กรอ.ขึ้นมาดำเนินการใหม่ เพราะเดิมมีมติ ครม.เมื่อปี 2552 ให้ยุติ กรอ. หากไม่มีมติ ครม.ใหม่ออกมารองรับจะไม่สามารถดำเนินการได้
“หลังจากผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ก็จะมีการตั้งกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ขึ้นมายกร่าง พ.ร.บ.กรอ. แต่โดยหลักการแล้ว กรอ.จะกลับไปเป็นการให้ทุนเหมือนในสมัยแรก แต่เป็นการให้ทุนแบบใช้คืน ไม่ใช่การให้ทุนให้เป่า เพิ่งมาในปี 2551 ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ของ กรอ.จากการให้ทุนแบบใช้คืน มาเป็นการให้กู้เงินโดยต้องการมีการสัญญากู้เงินกำกับไว้” ผู้จัดการ กยศ.กล่าว
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้พยายามสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ว่า เหตุใดร่าง พ.ร.บ.กรอ.ไม่ได้นำเข้าสู่วาระของที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเข้าใจ เรื่องนี้ต้องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ตั้งแต่สัปดาห์ดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ทันต่อการปล่อยกู้ปีการศึกษา 2555 ซึ่งจะเริ่มเปิดเทอมเดือนพฤษภาคม นี้ และในส่วนของ ศธ.เอง ก็พยายามเร่งรัดให้มีการยกร่างฎหมายรองรับ กรอ.เข้าสู่ขั้นตอนโดยเร็ว และประกาศใช้ให้เร็วที่สุด ดังนั้น ตั้งความหวังว่า เรื่อง กรอ.จะเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า กรอ.ใหม่นี้ จะทำในลักษณะเป็นการให้ทุนแก่ผู้เรียน ไม่มีการทำสัญญากู้เงิน และไม่มีการฟ้องร้องเมื่อผู้กู้เบี้ยวการชำระเงิน แต่มีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้กู้ต้องผ่อนชำระเงินคืนเมื่อสำเร็จการศึกษา และได้ทำงานที่มีรายได้ต่อเดือน 16,000 บาทขึ้นไป โดยให้ผ่อนชำระในอัตรา 2 ถึง 3% ของวงเงินกู้ ทั้งนี้ การปล่อยกู้จะให้กู้ทุกสาขาวิชา แต่ในสาขาขาดแคลนจะได้รับการพิจารณาก่อน และให้กู้เป็น 3 ส่วน คือ ค่าเทอม ค่าอุปกรณ์ และค่าครองชีพ ซึ่งในส่วนของค่าครองชีพนั้น ผู้กู้ต้องมาจากครอบครัวที่รายได้ไม่เกิน 300,000 บาท จึงจะเป็นสิทธิขอกู้ค่าครองชีพได้ ที่สำคัญ ผลการเรียนของผู้กู้จะเป็นตัวตัดสินการปล่อยกู้ต่อด้วย หากผู้กู้เรียนได้คะแนนตกต่ำ ต้องออกจากการเรียน ก็อาจไม่ได้รับการพิจารณาให้กู้ต่อ
ด้าน นพ.ธารา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า การเสนอเรื่องเข้า ครม.นั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง ซึ่งเข้าใจว่า ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่วาระเยอะ ครม.จึงยังไม่ได้พิจารณา และคาดว่า จะเลื่อนมาพิจารณาในสัปดาห์นี้แทน ทั้งนี้ การเสนอเรื่องเข้า ครม.นั้น เป็นเพียงการขออนุมัติในหลักการให้มีการฟื้นกองทุน กรอ.ขึ้นมาดำเนินการใหม่ เพราะเดิมมีมติ ครม.เมื่อปี 2552 ให้ยุติ กรอ. หากไม่มีมติ ครม.ใหม่ออกมารองรับจะไม่สามารถดำเนินการได้
“หลังจากผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ก็จะมีการตั้งกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ขึ้นมายกร่าง พ.ร.บ.กรอ. แต่โดยหลักการแล้ว กรอ.จะกลับไปเป็นการให้ทุนเหมือนในสมัยแรก แต่เป็นการให้ทุนแบบใช้คืน ไม่ใช่การให้ทุนให้เป่า เพิ่งมาในปี 2551 ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ของ กรอ.จากการให้ทุนแบบใช้คืน มาเป็นการให้กู้เงินโดยต้องการมีการสัญญากู้เงินกำกับไว้” ผู้จัดการ กยศ.กล่าว
