“สุชาติ” เล็งหารือนายกฯ กรณีปัญหาครุภัณฑ์อาชีวะ ชี้ อาจตั้งคณะกรรมการระดับชาติที่เป็นคนภายนอกมาดำเนินการสอบสวน เผย ใครก่อกรรมใดต้องรับกรรมนั้น ด้าน “ศักดา” ระบุ เหตุเกิดเพราะคนมีอำนาจสั่งการโดยลุแก่อำนาจ ลั่นหากมีการชี้มูลความผิดจะลงโทษทั้งวินัยและอาญา
นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แถลงข่าวกรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ของวิทยาลัยสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 19 แห่ง 13 รายการ วงเงิน 884 ล้านบาท ตามงบประมาณไทยเข้มแข็ง หรือ SP2 ซึ่งมีข่าวว่า จัดซื้อแพงเกินจริงอย่างมาก ว่า จะมีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาเป็นกรรมการตรวจสอบครุภัณฑ์อาชีวศึกษาทั้ง 13 รายการ เพื่อให้รู้ข้อเท็จจริงว่า ครุภัณฑ์ที่จัดซื้อมานั้น มีคุณภาพอย่างไร ราคาสมเหตุสมผลหรือไม่ โดยจะเร่งรัดให้กรรมการชุดนี้ รายงานผลการตรวจสอบภายใน 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกัน ก็จะให้วิทยาลัยที่ได้รับจัดสรรครุภัณฑ์ทั้ง 13 รายการ รายงานสภาพการใช้งานครุภัณฑ์มาด้วย ว่า มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของวิทยาลัยหรือไม่
“ที่ผ่านมา การดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ค่อนข้างเป็นเผด็จการ วิทยาลัยต้องการอีกอย่าง แต่ผู้มีอำนาจกลับสั่งการโดยลุแก่อำนาจ ถ้าวิทยาลัยไหนไม่ทำตามก็จะถูกกลั่นแกล้ง โดนโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้น จะต้องมีการคืนความเป็นธรรมและเยียวยาคนกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้ากรรมการฯชี้มูลว่า มีความผิด หรือมีการทุจริต กระทรวงก็จะมีการลงโทษผู้เกี่ยวข้องทั้งทางวินัยหรืออาญา”นายศักดา กล่าวและว่า ได้ ลงพื้นที่ในหลายจังหวัด รับฟังเสียงสะท้อนว่า ที่ผ่านมา ไม่เรื่องไม่ชอบมาพากลจำนวนมาก การจัดซื้อครุภัณฑ์ก็ได้ไม่ตรงตามความต้องการ วิทยาลัยบางแห่งได้รับอุปกรณ์เครื่องครัวระดับโรงแรมชั้นหนึ่งทั้งๆ ที่ไม่มีการเปิดสอนในสาขานี้กลายเป็นสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่เกิดประโยชน์ งบประมาณของ ศธ.จึงไม่เคยเพียงพอทั้งที่ได้รับจัดสรรจำนวนมาก ทั้งนี้เพราะนำไปใช้ไม่ตรงตามความต้องการ อย่างไรก็ตาม จะพยายามทำเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าได้มีการตั้ง นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งอยากให้รอข้อมูลเปิดเผยออกมาก่อนว่าเป็นเช่นไร อย่างไรก็ตาม จะนำเรียนปรึกษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้ด้วย และหากพบว่าเป็นการดำเนินการไม่โปร่งใสจริงก็เห็นว่าคณะกรรมการที่เข้ามาดูแลนั้นน่าจะต้องเป็นคณะกรรมการระดับชาติ ที่ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่คนภายใน ศธ.ต้องเป็นบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถ มีความเป็นกลาง ขณะเดียวกัน ต้องมีอำนาจในการตัดสินใจและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้วย
“ทุกคนที่ก่อกรรมทำเข็ญใดๆ ต้องได้รับกรรมนั้นตอบสนองในที่สุดเป็นที่แน่นอน ฝากให้ถ้าวันนี้เริ่มทำกรรมดีไปเรื่อยๆ กรรมดีจะส่งผลมาช่วยบรรเทาเบาบาง แต่กรรมเก่าต้องรับกันไป” รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ตนยินดีและอยากฝากให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หยิบยกประเด็นของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มาตรวจสอบ เพราะตนมีนโยบายจะทำโครงการกระทรวงศึกษาธิการไทยใสสะอาด และต้องการให้ทุกอย่างดำเนินการอย่างโปร่งใส
