2 วัยโจ๋เหยื่อพนันเปิดใจ ยอมรับเคยเป็นเจ้ามือเปิดโต๊ะบอล หมดตัวเรียนไม่จบ แฉอบายมุขชุก ไม่เว้นยามในหอพัก ยังฮิตทำอาชีพเสริมเดินโพยบอล ทำการเรียนแย่ไม่จบตามเป้า
วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ลานวิคตอรี่พอยด์ อนุสาวรีชัยสมรภูมิเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์หยุดพนัน เพื่อให้เกิดการเฝ้าระวังจากทุกภาคส่วนโดยในงานมีกิจกรรม อาทิ ละครสะท้อนปัญหาพนัน ชุด “สามรุ่นลุ้นเสี่ยง” โดยเครือข่ายละครรณรงค์ DDD และแร็ปเพลง “เดิมพัน” โดยวง Cobra K กลุ่มนักศึกษา ม.เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา
จากนั้นได้มีการเสวนาในหัวข้อ “เปิดใจ 2 เหยื่อพนัน...ที่เดิมพันด้วยอนาคต” โดยนายเอ (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 21 ปี ที่ต้องสูญเสียโอกาสทางการศึกษาเพราะการพนัน กล่าวว่า เริ่มเล่นพนันตอนอายุประมาณ 18 ปี ขณะกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นเช่าหอพักอยู่ใกล้สถาบัน ซึ่งเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยการพนัน ทั้งตู้ม้า สล็อต พนันบอล จากปกติเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ จึงอยากรู้อยากลองอยากสนุก และก็เล่นมาเรื่อยๆ เมื่อเราอยากมีเงินมากขึ้น จึงลงทุนหุ้นกับเพื่อนคนละ 50,000 บาท เปิดโต๊ะรับแทงบอล ซึ่งเงินที่ใช้ลงทุนก็ได้มาจากการโกหกแม่ว่าเรียนพิเศษ จ่ายค่าเทอม ทำรายงาน ซื้อโน้ตบุ๊กพอเปิดโต๊ะบอลได้สักพัก ก็มีนักศึกษาเข้ามาเล่นเป็นจำนวนมาก จนรับแทงไม่ไหว ระยะหลังๆ เริ่มไม่มีเงินจ่าย และแม่เริ่มจับได้ อย่างไรก็ตาม ตนต้องเสียเวลาเกือบ 3 ปี ที่อยู่ในวงจรการพนันและเชื่อว่าปัจจบันย่านที่ตนเคยอยู่ก็ยังเป็นแหล่งอบายมุขทุกรูปแบบเหมือนเดิม เพราะแถวนั้นมีหอพักนักศึกษาเป็นจำนวนมาก แม้แต่ รปภ.ในหอพักเองก็ทำอาชีพเสริมด้วยการเดินโพยรับแทงบอลด้วยซ้ำ
“สิ่งที่ทำให้ผมกลับตัวใหม่ได้ คือ แม่ เพราะการใช้ชีวิตในโต๊ะบอล ผมไม่เคยมีความสุขเลย การโกหกของผมทำให้แม่เริ่มสงสัยและจับได้ แม่เสียใจมาก ร้องไห้ทุกครั้งที่คุยกัน ผมรู้สึกผิดคิดว่าจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ จากนั้นจึงกลับไปที่บ้าน บอกความจริงทั้งหมด ผมกราบเท้าขอโทษแม่ และโชคดีที่แม่ยังให้โอกาสผมกลับใจ แม้การเข้าสู่วงจรพนันของผมอาจจะไม่ถึงขั้นต้องติดคุก ถูกจำกัดอิสรภาพเหมือนคนอื่น แต่ความรู้สึกผิดยังคงติดตัว เสียการเรียน เสียเวลา เสียทุกสิ่งวันนี้ผมกำลังพิสูจน์ตัวเองและเริ่มต้นเรียนใหม่อีกครั้งร่วมกับเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน นำบทเรียนชีวิตที่ผิดพลาดของผมเล่าให้กับน้องๆ นักเรียนนักศึกษาฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ และขอให้เชื่อเถอะว่าพนันไม่ทำให้เรารวยอย่างแน่นอน ไม่ต้องลองไม่ต้องพิสูจน์ ตั้งใจเรียน และทำงานสุจริตดีกว่า” นายเอ กล่าว
นายบี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี เยาวชนจากศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวสะท้อนการชีวิตที่เคยก้าวพลาดว่าในช่วงที่ตนเป็นวัยรุ่นอาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพัง พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ตนยังเด็ก ส่วนพี่ชายก็แยกครอบครัวออกไปประกอบกับแม่ต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นประจำ ทำให้ตนต้องอยู่บ้านคนเดียวมาโดยตลอด
นายบี กล่าวว่า ตนก้าวเข้าสู่สังคมการพนันตอนอายุ 13 ปี เริ่มจากเพื่อนข้างบ้านชวนไปเล่นสนุ้กที่โต๊ะสนุ้กข้างบ้าน และเริ่มมีการพนันเข้ามาในการเล่นสนุ้ก จากเงินจำนวนหลักสิบเพิ่มขึ้นมาเป็นหลักร้อย ขณะที่ค่าขนมรายวันที่แม่ให้จะอยู่ที่วันละ 100 บาท และที่โต๊ะสนุ้กยังมีบริการรับแทงพนันบอล ทำให้รายรับไม่พอกับรายจ่าย ตอนแรกใช้วิธีแทงบอลปากเปล่า แต่พอแทงจำนวนที่เยอะแล้วเสียก็ไม่มีเงินจ่าย เลยเริ่มคิดหาเงินด้วยการขโมยของในบ้านไปขาย จนแม่สงสัยก็เปลี่ยนจากขโมยของในบ้านมาสู่การขโมยรถจักรยานยนต์ไปขาย ซึ่งร้านรับซื้อก็อยู่ใกล้ๆ บ้าน หนึ่งคันจะได้เงินประมาณ 6,000-7,000 บาท เงินที่ได้นำไปแบ่งกัน และนำไปเล่นพนันสนุ้กและพนันฟุตบอล
“จุดหันเหชีวิตของผมเริ่มเมื่อตอนอายุ 17 ปี นอกจากจะเล่นพนันบอลและสนุ้กแล้ว กลุ่มเพื่อนๆ ก็เป็นพวกเลือดร้อน พอเจอนักเรียนโรงเรียนคู่อริ ก็ตีกัน จนกระทั่งมีคนตาย และตนก็ได้ถูกดำเนินคดีและมาอยู่ที่บ้านกาญจนาภิเษก จนถึงปัจจุบัน ผมอยากจะฝากน้องเยาวชนทั้งหลายที่กำลังเล่น หรือคิดจะเล่นพนัน ทั้งสนุ้ก หรือพนันฟุตบอล ขอให้คิดว่าการพนันทุกชนิดมีแต่เสียแล้วเมื่อเราเสียเราจะมีเงินจ่ายให้กับโต๊ะได้หรือเปล่า เราเล่นได้ 1 ครั้ง แต่เสียไป 4-5 ครั้ง มันคุ้มกันหรือเปล่าคนที่เล่นเป็นเพียงเหยื่อของโต๊ะ” นายบี กล่าว
นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของการพนันมากที่สุด คือ เด็กและเยาวชน สถานการณ์การพนัน ขณะนี้ระบาดมากการพนันเข้ามาใกล้ตัวลูกหลานเรามากกว่าที่พ่อแม่คิด เพราะมีการแปลงโฉมไปเยอะ มีการพนันใหม่ๆที่มาพร้อมกับสื่อออนไลน์ และชีวิตที่ทันสมัยมากมาย มีกระบวนการเข้าถึงตัวเด็กผ่านสารพัดสื่อ และล่อหลอกอย่างแยบยลเด็กๆ รู้ไม่เท่าทัน แรกๆ เด็กก็คิดแค่อยากรู้อยากลอง คิดว่าไม่เป็นไรไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่พนันข้าวจานน้ำหวานขวดแต่มากเข้าๆ ก็กลายเป็นเงินจำนวนมหาศาล
“คนเล่นพนันมักจะคิดว่าตนไม่ติดการพนัน แต่จริงๆ แล้ว แพทย์ยืนยันว่า การพนันทำให้ติดได้ไม่ต่างจากการเสพติดสิ่งอื่น อย่างเกม หรือยา และเมื่อติดพนันแล้วก็จะถูกแสวงประโยชน์ โดนใช้ให้เดินโพย หาลูกค้าค้ายา และประกอบอาชญากรรมต่างๆ อยากวอนภาครัฐอย่าเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อเด็กและเยาวชนมากขึ้น อย่างการเปิดบ่อนเสรี หรือการให้มีหวยออนไลน์ หวยบนดินต่างๆ ล้วนเป็นการเพิ่มให้การพนันกลายเป็นสิ่งแวดล้อมปกติรอบตัวเด็ก ทำให้เด็กมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่การพนัน” นายธนากร กล่าว
วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ลานวิคตอรี่พอยด์ อนุสาวรีชัยสมรภูมิเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์หยุดพนัน เพื่อให้เกิดการเฝ้าระวังจากทุกภาคส่วนโดยในงานมีกิจกรรม อาทิ ละครสะท้อนปัญหาพนัน ชุด “สามรุ่นลุ้นเสี่ยง” โดยเครือข่ายละครรณรงค์ DDD และแร็ปเพลง “เดิมพัน” โดยวง Cobra K กลุ่มนักศึกษา ม.เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา
จากนั้นได้มีการเสวนาในหัวข้อ “เปิดใจ 2 เหยื่อพนัน...ที่เดิมพันด้วยอนาคต” โดยนายเอ (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 21 ปี ที่ต้องสูญเสียโอกาสทางการศึกษาเพราะการพนัน กล่าวว่า เริ่มเล่นพนันตอนอายุประมาณ 18 ปี ขณะกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นเช่าหอพักอยู่ใกล้สถาบัน ซึ่งเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยการพนัน ทั้งตู้ม้า สล็อต พนันบอล จากปกติเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ จึงอยากรู้อยากลองอยากสนุก และก็เล่นมาเรื่อยๆ เมื่อเราอยากมีเงินมากขึ้น จึงลงทุนหุ้นกับเพื่อนคนละ 50,000 บาท เปิดโต๊ะรับแทงบอล ซึ่งเงินที่ใช้ลงทุนก็ได้มาจากการโกหกแม่ว่าเรียนพิเศษ จ่ายค่าเทอม ทำรายงาน ซื้อโน้ตบุ๊กพอเปิดโต๊ะบอลได้สักพัก ก็มีนักศึกษาเข้ามาเล่นเป็นจำนวนมาก จนรับแทงไม่ไหว ระยะหลังๆ เริ่มไม่มีเงินจ่าย และแม่เริ่มจับได้ อย่างไรก็ตาม ตนต้องเสียเวลาเกือบ 3 ปี ที่อยู่ในวงจรการพนันและเชื่อว่าปัจจบันย่านที่ตนเคยอยู่ก็ยังเป็นแหล่งอบายมุขทุกรูปแบบเหมือนเดิม เพราะแถวนั้นมีหอพักนักศึกษาเป็นจำนวนมาก แม้แต่ รปภ.ในหอพักเองก็ทำอาชีพเสริมด้วยการเดินโพยรับแทงบอลด้วยซ้ำ
“สิ่งที่ทำให้ผมกลับตัวใหม่ได้ คือ แม่ เพราะการใช้ชีวิตในโต๊ะบอล ผมไม่เคยมีความสุขเลย การโกหกของผมทำให้แม่เริ่มสงสัยและจับได้ แม่เสียใจมาก ร้องไห้ทุกครั้งที่คุยกัน ผมรู้สึกผิดคิดว่าจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ จากนั้นจึงกลับไปที่บ้าน บอกความจริงทั้งหมด ผมกราบเท้าขอโทษแม่ และโชคดีที่แม่ยังให้โอกาสผมกลับใจ แม้การเข้าสู่วงจรพนันของผมอาจจะไม่ถึงขั้นต้องติดคุก ถูกจำกัดอิสรภาพเหมือนคนอื่น แต่ความรู้สึกผิดยังคงติดตัว เสียการเรียน เสียเวลา เสียทุกสิ่งวันนี้ผมกำลังพิสูจน์ตัวเองและเริ่มต้นเรียนใหม่อีกครั้งร่วมกับเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน นำบทเรียนชีวิตที่ผิดพลาดของผมเล่าให้กับน้องๆ นักเรียนนักศึกษาฟัง เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ และขอให้เชื่อเถอะว่าพนันไม่ทำให้เรารวยอย่างแน่นอน ไม่ต้องลองไม่ต้องพิสูจน์ ตั้งใจเรียน และทำงานสุจริตดีกว่า” นายเอ กล่าว
นายบี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี เยาวชนจากศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวสะท้อนการชีวิตที่เคยก้าวพลาดว่าในช่วงที่ตนเป็นวัยรุ่นอาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพัง พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ตนยังเด็ก ส่วนพี่ชายก็แยกครอบครัวออกไปประกอบกับแม่ต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นประจำ ทำให้ตนต้องอยู่บ้านคนเดียวมาโดยตลอด
นายบี กล่าวว่า ตนก้าวเข้าสู่สังคมการพนันตอนอายุ 13 ปี เริ่มจากเพื่อนข้างบ้านชวนไปเล่นสนุ้กที่โต๊ะสนุ้กข้างบ้าน และเริ่มมีการพนันเข้ามาในการเล่นสนุ้ก จากเงินจำนวนหลักสิบเพิ่มขึ้นมาเป็นหลักร้อย ขณะที่ค่าขนมรายวันที่แม่ให้จะอยู่ที่วันละ 100 บาท และที่โต๊ะสนุ้กยังมีบริการรับแทงพนันบอล ทำให้รายรับไม่พอกับรายจ่าย ตอนแรกใช้วิธีแทงบอลปากเปล่า แต่พอแทงจำนวนที่เยอะแล้วเสียก็ไม่มีเงินจ่าย เลยเริ่มคิดหาเงินด้วยการขโมยของในบ้านไปขาย จนแม่สงสัยก็เปลี่ยนจากขโมยของในบ้านมาสู่การขโมยรถจักรยานยนต์ไปขาย ซึ่งร้านรับซื้อก็อยู่ใกล้ๆ บ้าน หนึ่งคันจะได้เงินประมาณ 6,000-7,000 บาท เงินที่ได้นำไปแบ่งกัน และนำไปเล่นพนันสนุ้กและพนันฟุตบอล
“จุดหันเหชีวิตของผมเริ่มเมื่อตอนอายุ 17 ปี นอกจากจะเล่นพนันบอลและสนุ้กแล้ว กลุ่มเพื่อนๆ ก็เป็นพวกเลือดร้อน พอเจอนักเรียนโรงเรียนคู่อริ ก็ตีกัน จนกระทั่งมีคนตาย และตนก็ได้ถูกดำเนินคดีและมาอยู่ที่บ้านกาญจนาภิเษก จนถึงปัจจุบัน ผมอยากจะฝากน้องเยาวชนทั้งหลายที่กำลังเล่น หรือคิดจะเล่นพนัน ทั้งสนุ้ก หรือพนันฟุตบอล ขอให้คิดว่าการพนันทุกชนิดมีแต่เสียแล้วเมื่อเราเสียเราจะมีเงินจ่ายให้กับโต๊ะได้หรือเปล่า เราเล่นได้ 1 ครั้ง แต่เสียไป 4-5 ครั้ง มันคุ้มกันหรือเปล่าคนที่เล่นเป็นเพียงเหยื่อของโต๊ะ” นายบี กล่าว
นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของการพนันมากที่สุด คือ เด็กและเยาวชน สถานการณ์การพนัน ขณะนี้ระบาดมากการพนันเข้ามาใกล้ตัวลูกหลานเรามากกว่าที่พ่อแม่คิด เพราะมีการแปลงโฉมไปเยอะ มีการพนันใหม่ๆที่มาพร้อมกับสื่อออนไลน์ และชีวิตที่ทันสมัยมากมาย มีกระบวนการเข้าถึงตัวเด็กผ่านสารพัดสื่อ และล่อหลอกอย่างแยบยลเด็กๆ รู้ไม่เท่าทัน แรกๆ เด็กก็คิดแค่อยากรู้อยากลอง คิดว่าไม่เป็นไรไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่พนันข้าวจานน้ำหวานขวดแต่มากเข้าๆ ก็กลายเป็นเงินจำนวนมหาศาล
“คนเล่นพนันมักจะคิดว่าตนไม่ติดการพนัน แต่จริงๆ แล้ว แพทย์ยืนยันว่า การพนันทำให้ติดได้ไม่ต่างจากการเสพติดสิ่งอื่น อย่างเกม หรือยา และเมื่อติดพนันแล้วก็จะถูกแสวงประโยชน์ โดนใช้ให้เดินโพย หาลูกค้าค้ายา และประกอบอาชญากรรมต่างๆ อยากวอนภาครัฐอย่าเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อเด็กและเยาวชนมากขึ้น อย่างการเปิดบ่อนเสรี หรือการให้มีหวยออนไลน์ หวยบนดินต่างๆ ล้วนเป็นการเพิ่มให้การพนันกลายเป็นสิ่งแวดล้อมปกติรอบตัวเด็ก ทำให้เด็กมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่การพนัน” นายธนากร กล่าว