ศธ.เปิดช่อง ร.ร.จัดซื้อแอปพลิเคชันเสริมหลักสูตร สพฐ.เล็งใช้ผลการเรียนด้วยแท็บเล็ตมาประเมินครูและสถานศึกษา ผุดแนวคิดยกกรรมสิทธิ์แท็บเล็ตหากใช้งานไปแล้ว 3 ปี ชี้ เป็นครุภัณฑ์ราคาไม่แพงและถึงเวลานั้นคงเสื่อมสภาพไปมากแล้ว
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผ่านระบบ Video Conference เพื่อมอบนโยบายให้กับผู้อำนวยเขตพื้นที่การศึกษา 225 เขตทั่วประเทศ ว่า ขณะที่เรื่องการจัดหาคอมพิวเตอร์แทบเล็ตก็เป็นเรื่องของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนของกระทรวงศึกษาธิการจะดูในส่วนของการจัดหาเนื้อหาหลักสูตรที่จะใส่เข้าไปในแท็บเล็ตและแจกไปยังโรงเรียน ซึ่งขณะนี้ศธ.มีแนวคิดว่าจะจัดหามาเพิ่มให้กับเด็ก ม.1 ซึ่งอยู่ระหว่างการหางบประมาณ โดยขณะนี้ ศธ.ได้เปิดโอกาสให้โรงเรียนต่างๆ สามารถจัดหา หรือจัดซื้อแอพพลิเคชั่นการเรียนรู้ต่างๆ มาโหลดเข้าไปในแท็บเล็ตเพิ่มเติมได้ นอกเหนือจากหลักสูตรที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดทำไปแล้ว
“เรื่องของการเรียนรู้ไม่อยากให้เป็นการบังคับว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เพราะบางครั้งหลักสูตรหลักที่ สพฐ.จัดให้อาจจะไม่ดีพอ หรือ แอปพลิเคชันที่ส่วนกลางใส่ไปให้อาจจะสู้แอปพลิเคชันใหม่ๆ ไม่ได้ ก็ควรจะจัดหาเพื่อเพิ่มเติมความรู้เข้าไปเสริมควบคู่ไปกับหลักสูตรกลาง ซึ่งเราก็เปิดให้โรงเรียนสามารถโหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้เอง โดยโรงเรียนจัดซื้อเองและตั้งงบประมาณมา ในส่วนของกระทรวงก็จะประสานให้ทางสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ สสวท.นำแอปพลิเคชันความรู้ต่างๆ มาไว้ในเว็บไซต์เพื่อเปิดให้โรงเรียนสามารเข้าไปดาวน์โหลดได้เอง ก็อยากให้แต่ละโรงเรียนแข่งกันหาแอปพลิเคชันดีๆ มาสร้างความรู้ให้เด็ก” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า หากโรงเรียนไหนและครูคนใดสามารถทำให้เด็กมีผลการเรียนจากแท็บเล็ตได้คะแนนสูงขึ้น มีผลการเรียนดีขึ้น ส่วนนี้ก็จะมีผลกับการใช้ในการประเมินคะแนนตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ไปจนถึงโรงเรียนและครู ในการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง และขึ้นเงินเดือน ในทุกระดับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการใช้แทบเล็ตของเด็ก ศธ.จะให้เด็ก ป.1 ตนมีความคิดว่ายืมใช้เรียนไปก่อน 1 ปี โดยที่เด็กนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ซึ่งจะช่วยฝึกให้เด็กรักและหวงแหนของ เมื่อครบกำหนดก็ให้นำกลับมาตรวจเช็คสภาพว่ายังอยู่ดีหรือไม่ และเมื่อใช้งานครบ 3 ปี ก็อาจจะให้เป็นสมบัติส่วนตัวของเด็กไปเลย เพราะเป็นครุภัณฑ์ที่มีราคาไม่ถึง 3,000 บาท อีกทั้งแท็บเล็ตเป็นวัสดุเมื่อใช้งานไปถึง 3 ปีคงเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน
