“สุชาติ” แจงไฟเขียวให้รับนักเรียนมีโควตาผู้บริจาคเงิน ไม่ได้สร้างความเหลื่อมล้ำ เป็นการยอมรับความจริงที่มีอยู่ และหาทางจัดระเบียบใหม่ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ชี้ หากพบ ผอ.ร.ร.จะใช้ช่องทางนี้หาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง จะถือว่าคอร์รัปชันมีความผิด เพราะหากทำตามนโยบายนี้ ร.ร.จะต้องประกาศชัดเพื่อความโปร่งใส
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีมอบนโยบายให้โรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดห้องเรียนเพิ่มเติมรับเด็กโควตาผู้บริจาคเงินให้โรงเรียนโดยเฉพาะ ซึ่งทันทีที่มีการเผยแพร่ออกไปนักวิชาการวิจารณ์ ว่า จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมอีกทั้งเป็นช่องทางให้เกิดการเรียกรับเงิน เข้ากระเป๋าตัวเองได้ ว่า นโยบายนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ มันเป็นเรื่องธรรมดาโลก แต่กลับทำให้มันดูแย่โดยการไปเรียกการบริจาคเงินว่า “แปะเจี๊ยะ” ต้องยอมรับความจริงว่า งบประมาณที่รัฐจัดสรรให้โรงเรียนนั้น ไม่เพียงพอสำหรับจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ ต้องอาศัยเงินบริจาคด้วย เพราะฉะนั้น ต้องเปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถรับบริจาคเงินได้และโรงเรียนเองก็ต้องประกาศรับบริจาคอย่างโปรงใส ทั้งนี้ เจตนาของตนต้องการแก้ไขเรื่องที่เกิดอยู่แล้วให้มันเป็นระบบมีความเป็นธรรมขึ้น จึงมอบนโยบายให้โรงเรียนเปิดที่นั่งเพิ่มเติมรองรับเด็กโควต้าบริจาคเงินโดยเฉพาะเป็นการเพิ่มที่นั่งเพื่อไม่ให้ต้องไปแย่งที่ของนักเรียนปกติเหมือนที่ผ่านๆ มาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โรงเรียนรับบริจาคเงินได้อย่างโปร่งใสโดยไม่ไปกระทบต่อนักเรียนอื่น ๆ
“ผมพยายามแก้ปัญหาที่มีอยู่จริงทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำอะไรได้มาก่อน แต่กลับถูกวิจารณ์ให้มันดูแย่ว่าเป็น แป๊ะเจี๊ย ส่วนที่ห่วงว่า อาจมีบางคน มี ผอ.โรงเรียนใช้นโยบายนี้เรียกรับเงินเข้ากระเป๋าตัวเองนั้น ผมว่า อย่าไปมองอย่างนั้น ถ้า ผอ.โรงเรียนคิดว่า ฝากเด็กเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแล้วเขาจะมาร่วมนโยบายนี้ด้วยทำไป เนื่องจากตามนโยบายนี้โรงเรียนที่จะเปิดรับโควตาผู้บริจาคเงินต้องประกาศให้ชัดเจนและทำทุกขั้นตอนให้โปร่งใส ดังนั้น ถ้า ผอ.โรงเรียนอยากจะเรียกรับเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาประกาศรับบริจาค แอบฝากเด็กเงียบๆ ไปดีกว่า ซึ่งถ้า ผอ.โรงเรียนรายไหนทำอย่างนั้น ผมถือว่า เป็นการคอร์รัปชัน รับสินบน ถ้ามีใครร้องเรียนมา ผมจัดการแน่นอน และขอย้ำด้วย นักเรียนโควตารับบริจาคนั้น ก็ไม่ได้แยกมารวมกันเป็นห้องเดียว แต่ให้กระจายไปตามห้องต่างๆ เหมือนที่เคยดำเนินการกันมาเพียงแต่ให้โรงเรียนเพิ่มที่นั่งสำหรับโควตานี้โดยเฉพาะไปกินที่รับนักเรียนตามปกติ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายนี้อาจสร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดในสังคมได้ ผู้มีฐานะการเงินดีกว่า จะได้เปรียบผู้ที่ฐานะด้อยกว่า ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า ทุกวันนี้ คนมีเงินเขาก็มีสิทธิ์ส่งลูกไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์กันในขณะที่ลูกคนจนไม่มีสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ศธ.ยืนยันชัดเจนตลอดว่า เด็กทุกคนมีที่เรียนรองรับครบถ้วนอยู่แล้ว เลือกเข้าเรียนใน ร.ร.ใกล้บ้านได้เลย แต่การไม่ยอมให้โรงเรียนรับเงินบริจาคได้ต่างหาก คือ การไม่เป็นธรรมต่อนักเรียน ต่อโรงเรียน เพราะทุกวันนี้ งบประมาณที่รัฐจัดให้โรงเรียนไม่เพียงพอคนที่ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ คือ คนที่ไม่ยอมรับความจริงของโลก
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีมอบนโยบายให้โรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดห้องเรียนเพิ่มเติมรับเด็กโควตาผู้บริจาคเงินให้โรงเรียนโดยเฉพาะ ซึ่งทันทีที่มีการเผยแพร่ออกไปนักวิชาการวิจารณ์ ว่า จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมอีกทั้งเป็นช่องทางให้เกิดการเรียกรับเงิน เข้ากระเป๋าตัวเองได้ ว่า นโยบายนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ มันเป็นเรื่องธรรมดาโลก แต่กลับทำให้มันดูแย่โดยการไปเรียกการบริจาคเงินว่า “แปะเจี๊ยะ” ต้องยอมรับความจริงว่า งบประมาณที่รัฐจัดสรรให้โรงเรียนนั้น ไม่เพียงพอสำหรับจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ ต้องอาศัยเงินบริจาคด้วย เพราะฉะนั้น ต้องเปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถรับบริจาคเงินได้และโรงเรียนเองก็ต้องประกาศรับบริจาคอย่างโปรงใส ทั้งนี้ เจตนาของตนต้องการแก้ไขเรื่องที่เกิดอยู่แล้วให้มันเป็นระบบมีความเป็นธรรมขึ้น จึงมอบนโยบายให้โรงเรียนเปิดที่นั่งเพิ่มเติมรองรับเด็กโควต้าบริจาคเงินโดยเฉพาะเป็นการเพิ่มที่นั่งเพื่อไม่ให้ต้องไปแย่งที่ของนักเรียนปกติเหมือนที่ผ่านๆ มาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โรงเรียนรับบริจาคเงินได้อย่างโปร่งใสโดยไม่ไปกระทบต่อนักเรียนอื่น ๆ
“ผมพยายามแก้ปัญหาที่มีอยู่จริงทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำอะไรได้มาก่อน แต่กลับถูกวิจารณ์ให้มันดูแย่ว่าเป็น แป๊ะเจี๊ย ส่วนที่ห่วงว่า อาจมีบางคน มี ผอ.โรงเรียนใช้นโยบายนี้เรียกรับเงินเข้ากระเป๋าตัวเองนั้น ผมว่า อย่าไปมองอย่างนั้น ถ้า ผอ.โรงเรียนคิดว่า ฝากเด็กเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแล้วเขาจะมาร่วมนโยบายนี้ด้วยทำไป เนื่องจากตามนโยบายนี้โรงเรียนที่จะเปิดรับโควตาผู้บริจาคเงินต้องประกาศให้ชัดเจนและทำทุกขั้นตอนให้โปร่งใส ดังนั้น ถ้า ผอ.โรงเรียนอยากจะเรียกรับเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาประกาศรับบริจาค แอบฝากเด็กเงียบๆ ไปดีกว่า ซึ่งถ้า ผอ.โรงเรียนรายไหนทำอย่างนั้น ผมถือว่า เป็นการคอร์รัปชัน รับสินบน ถ้ามีใครร้องเรียนมา ผมจัดการแน่นอน และขอย้ำด้วย นักเรียนโควตารับบริจาคนั้น ก็ไม่ได้แยกมารวมกันเป็นห้องเดียว แต่ให้กระจายไปตามห้องต่างๆ เหมือนที่เคยดำเนินการกันมาเพียงแต่ให้โรงเรียนเพิ่มที่นั่งสำหรับโควตานี้โดยเฉพาะไปกินที่รับนักเรียนตามปกติ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายนี้อาจสร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดในสังคมได้ ผู้มีฐานะการเงินดีกว่า จะได้เปรียบผู้ที่ฐานะด้อยกว่า ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า ทุกวันนี้ คนมีเงินเขาก็มีสิทธิ์ส่งลูกไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์กันในขณะที่ลูกคนจนไม่มีสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ศธ.ยืนยันชัดเจนตลอดว่า เด็กทุกคนมีที่เรียนรองรับครบถ้วนอยู่แล้ว เลือกเข้าเรียนใน ร.ร.ใกล้บ้านได้เลย แต่การไม่ยอมให้โรงเรียนรับเงินบริจาคได้ต่างหาก คือ การไม่เป็นธรรมต่อนักเรียน ต่อโรงเรียน เพราะทุกวันนี้ งบประมาณที่รัฐจัดให้โรงเรียนไม่เพียงพอคนที่ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ คือ คนที่ไม่ยอมรับความจริงของโลก
