“สุชาติ” พลิ้วบอกไม่เคยพูดให้บริจาคเงินแลกที่เรียน แค่ไฟเขียวให้ ร.ร.รับเงินบริจาคได้ แต่เมื่อ ร.ร.รับเงินแล้ว จะได้สิทธิ์เข้าเรียนหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ร.ร.ย้ำ ทำเรื่องนี้โดยตั้งมั่นในคุณธรรมร้อยเปอร์เซ็นต์ กัดคนโวยบางคนก็เคยฝากเด็กมาก่อน “ชินภัทร” เริ่มไม่มั่นใจ เตรียมเข้าพบ “สุชาติ” ขอฟังนโยบายตัวต่อตัว
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่นายอำนวย สุนทรโชติ ประธานชมรมค่านิยมเพื่อสร้างชาติ เตรียมฟ้องศาลปกครองเกี่ยวกับนโยบายโควตาเด็กบริจาคเงิน ว่า ไม่เคยบอกซักคำว่าให้บริจาคเงินเพื่อแลกที่เรียนได้ เพราะเจตนาของตน คือ สนับสนุนให้คนบริจาคเงินให้โรงเรียน เพราะในความเป็นจริงโรงเรียนไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่ได้เงินบริจาคสนับสนุน อีกทั้งการบริจาคเงินก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย มีระเบียบรองรับและยังสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่าด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อบริจาคเงินให้แล้ว โรงเรียนจะรับเข้าเรียนหรือไม่ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนก็คงต้องพิจารณาคุณสมบัติของเด็กด้วย ถ้าคุณสมบัติเด็กแย่เกินไปก็คงรับเข้าเรียนไม่ได้ อย่างทางโรงเรียนสตรีวิทย์เองก็ออกมาพูดแล้วว่า ถ้าเด็กขาดคุณสมบัติ ก็คงรับเข้าเรียนไม่ได้ ขณะที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ออกมาให้ข้อมูลเช่นกันว่า จะต้องมีการสอบคัดเลือกก่อนไม่ใช่เข้าได้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม โควตาส่วนนี้โรงเรียนต้องไปเพิ่มเติมที่นั่งรองรับโดยเฉพาะ ห้ามไปกินที่ของการรับนักเรียนตามปกติ
“ ผมทำเรื่องนี้โดยตั้งมั่นในคุณธรรมร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่ออกมาร้องนะ อยากถามว่า ตั้งมั่นจริงหรือเปล่า คนเหล่านั้นบางคนก็เคยฝากเด็ก แต่ผมเป็นคนที่พูดต่อหน้าและลับหลังเหมือนกัน ไม่ใช่ต่อหน้าทำเป็นใจบุญ ทำอะไรก็ไม่ได้ แต่ลับหลังกลับขี้โกง “ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า หากมีการฟ้องศาลปกครองจริงก็พร้อมชี้แจ้ง ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นกระทู้สดให้ตอบในการประชุมสภาวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) นั้น ตนก็พร้อมชี้แจงเช่นกัน
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน เร็วๆ นี้ ตนคงต้องเข้าพบ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอทราบนโยบายโดยตรง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด โดยยอมรับว่า ยังไม่มั่นใจเจตนาที่แท้จริงของนายสุชาติ ว่า จะให้ดำเนินการในรูปแบบใด เพราะขณะนี้หลักเกณฑ์ต่างๆ ในการรับนักเรียนปีการศึกษา 2555 ก็ได้ออกมาเป็นแนวปฏิบัติเรียบร้อยแล้ว และทางโรงเรียนก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งโดยหลักเกณฑ์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เปิดให้โรงเรียนขยายห้องเรียนพิเศษได้ เท่ากับเป็นช่องทางหนึ่งในการระดมทรัพยากรแล้ว แต่ถ้าจะเปิดให้บริจาคเพื่อเข้าเรียนนั้น ตนไม่แน่ใจว่า จะต้องออกหลักเกณฑ์อะไรใหม่หรือไม่ คงต้องขอรับนโยบายจากนายสุชาติ ให้ชัดเจนก่อน
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่นายอำนวย สุนทรโชติ ประธานชมรมค่านิยมเพื่อสร้างชาติ เตรียมฟ้องศาลปกครองเกี่ยวกับนโยบายโควตาเด็กบริจาคเงิน ว่า ไม่เคยบอกซักคำว่าให้บริจาคเงินเพื่อแลกที่เรียนได้ เพราะเจตนาของตน คือ สนับสนุนให้คนบริจาคเงินให้โรงเรียน เพราะในความเป็นจริงโรงเรียนไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่ได้เงินบริจาคสนับสนุน อีกทั้งการบริจาคเงินก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย มีระเบียบรองรับและยังสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่าด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อบริจาคเงินให้แล้ว โรงเรียนจะรับเข้าเรียนหรือไม่ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนก็คงต้องพิจารณาคุณสมบัติของเด็กด้วย ถ้าคุณสมบัติเด็กแย่เกินไปก็คงรับเข้าเรียนไม่ได้ อย่างทางโรงเรียนสตรีวิทย์เองก็ออกมาพูดแล้วว่า ถ้าเด็กขาดคุณสมบัติ ก็คงรับเข้าเรียนไม่ได้ ขณะที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ออกมาให้ข้อมูลเช่นกันว่า จะต้องมีการสอบคัดเลือกก่อนไม่ใช่เข้าได้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม โควตาส่วนนี้โรงเรียนต้องไปเพิ่มเติมที่นั่งรองรับโดยเฉพาะ ห้ามไปกินที่ของการรับนักเรียนตามปกติ
“ ผมทำเรื่องนี้โดยตั้งมั่นในคุณธรรมร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่ออกมาร้องนะ อยากถามว่า ตั้งมั่นจริงหรือเปล่า คนเหล่านั้นบางคนก็เคยฝากเด็ก แต่ผมเป็นคนที่พูดต่อหน้าและลับหลังเหมือนกัน ไม่ใช่ต่อหน้าทำเป็นใจบุญ ทำอะไรก็ไม่ได้ แต่ลับหลังกลับขี้โกง “ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า หากมีการฟ้องศาลปกครองจริงก็พร้อมชี้แจ้ง ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นกระทู้สดให้ตอบในการประชุมสภาวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) นั้น ตนก็พร้อมชี้แจงเช่นกัน
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน เร็วๆ นี้ ตนคงต้องเข้าพบ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอทราบนโยบายโดยตรง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด โดยยอมรับว่า ยังไม่มั่นใจเจตนาที่แท้จริงของนายสุชาติ ว่า จะให้ดำเนินการในรูปแบบใด เพราะขณะนี้หลักเกณฑ์ต่างๆ ในการรับนักเรียนปีการศึกษา 2555 ก็ได้ออกมาเป็นแนวปฏิบัติเรียบร้อยแล้ว และทางโรงเรียนก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งโดยหลักเกณฑ์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เปิดให้โรงเรียนขยายห้องเรียนพิเศษได้ เท่ากับเป็นช่องทางหนึ่งในการระดมทรัพยากรแล้ว แต่ถ้าจะเปิดให้บริจาคเพื่อเข้าเรียนนั้น ตนไม่แน่ใจว่า จะต้องออกหลักเกณฑ์อะไรใหม่หรือไม่ คงต้องขอรับนโยบายจากนายสุชาติ ให้ชัดเจนก่อน
