เลขาฯ กพฐ.ดิ้นหาทางรอด เร่งตีความนโยบายโควตาเด็กบริจาค ดันเข้าห้องเรียนพิเศษ

เลขาธิการ กพฐ.เร่งตีความนโยบายโควตาเด็กบริจาคเงินให้ไม่เป็นภัยกับตัวเอง ดึงเข้าช่องทางของการเปิดห้องเรียนพิเศษ แจงห้องเรียนพิเศษเสียเงินแพงกว่าปกติถือเป็นการบริจาคเงินอีกรูปแบบแต่มีระเบียบรองรับ ขณะที่ ผอ.สตรีวิทยา รับนโยบาย รมว.ศึกษาธิการ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน-ทำยาก ต้องศึกษาวัตถุประสงค์แท้จริงก่อนเกรงเกิดปัญหาไม่เป็นธรรมและทุจริต

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า นโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ นั้น สามารถดึงเข้าช่องทางของการเปิดห้องเรียนพิเศษได้ ตามระเบียบของสำนักงานคระกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด กพฐ.ตั้งแต่ปี 2554 นั้น ปลดล็อกให้โรงเรียนขยายห้องเรียนพิเศษได้มากขึ้น จากเดิมล็อกไว้ไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด สาเหตุเพราะห้องเรียนพิเศษกำลังได้รับความนิยม มีความต้องการเข้าเรียนมากกว่าที่นั่งที่มีอยู่ถึง 3 เท่า ซึ่งในส่วนของห้องเรียนนั้น อนุญาตให้โรงเรียนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงกว่าปกติภายใต้เพดานที่ สพฐ.กำหนด ตรงนี้ถือเป็นการระดมทรัพยากรรูปแบบหนึ่ง เป็นอีกมุมมองในเรื่องของการบริจาคเงินแต่เป็นการดำเนินการที่มีระเบียบรองรับอย่างถูกต้องและมีความโปร่งใส มีหลักฐานรองรับ

“นโยบายของรัฐมนตรีนั้น หากตีความโดยยึดเอาสิ่งที่ทำได้และมีระเบียบรองรับนั้น ก็จะเข้าช่องทางนโยบายเปิดห้องเรียนพิเศษได้ แต่นักเรียนที่จะเข้าห้องเรียนพิเศษนั้น ต้องผ่านการสอบคัดเลือกด้วย ส่วนการรับนักเรียนตามปกตินั้น ผมได้ย้ำในการประชุมกับ ผอ.ร.ร.ดังเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ชัดเจน และทุกคนเข้าใจดีแล้วว่า ประกาศของ สพฐ.เรื่องการรับนักเรียนนั้น กำหนดให้รับบริจาคเงินหลังการรับนักเรียนผ่านพ้นไปแล้ว และต้องไม่เป็นเงื่อนไขในการับเข้าเรียนด้วย” นายชินภัทร กล่าว

ด้านนางจำนงค์ แจ่มจันทรวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา กล่าวว่า การรับนักเรียนของโรงเรียนสตรีวิทยายังเป็นไปตามนโยบายที่ทาง สพฐ.กำหนดส่วนการเปิดห้องเรียนพิเศษมีเพิ่มจาก 2 ห้องเมื่อปีที่ผ่านเป็น 3 ห้อง รวมทั้งหมด 12 ห้องเรียน ส่วนเรื่องการระดมทรัพยากรนั้น จะดำเนินการได้ต่อเมื่อผ่านความเห็นชอยจากคณะกรรมการโรงเรียน และต้องไปขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาอีกครั้ง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วโรงเรียนก็จะเรียกประชุมผู้ปกครองให้มารับทราบและดำเนินการตามนั้น

นางจำนงค์ กล่าวถึงนโยบายของ รมว.ศธ.ที่ให้มีโควตาเด็กบริจาคเงินนั้น ว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แม้ทาง ศธ.จะเปิดทางให้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดำเนินการได้ตามใจ เพราะยังต้องดูหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการรับนักเรียนของสถานศึกษาด้วยว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไร และต้องมองไปถึงเรื่องของความโปร่งใส และจำนวนนักเรียนที่จะเข้ามาด้วย แต่เชื่อว่า ท้ายที่สุดก็ต้องอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการสถานศึกษา ตอนนี้ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและจุดประสงค์ที่แท้จริงของ รมว.ศธ.ก่อน หากเร่งดำเนินการไปตามนั้น อาจจะเกิดปัญหาทั้งเรื่องความไม่เป็นธรรมและการทุจริตคอร์รัปชันได้