“อภิสิทธิ์” ลงพื้นที่สุโขทัย อ้างเพิ่งได้รับหนังสือนครบาลเรียกสอบขอคืนพื้นที่คอกวัววานนี้ ขอเลื่อนแจงไปกลางเดือนเหตุเตรียมเอกสารไม่ทัน ปัดพริ้ว ยันไม่คิดใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง สุดงงเพิ่งได้หนังสือ แต่ชี้ยังไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหา สับนักการเมืองอย่าพล่ามชี้นำ ยังไม่พูดเปลี่ยนตัวพนักงานสอบทำคดีเปลี่ยน
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่ จ.สุโขทัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่เพื่อทำกิจกรรมฟื้นฟูหลังน้ำลด เกี่ยวกับกรณีขอเลื่อนการชี้แจงคดีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ว่า ได้รับหนังสือจากนครบาลเมื่อวานนี้ ประมาณ 1 ทุ่ม โดยส่งมาทางไปรษณีย์ ซึ่งไม่ทราบว่ามีปัญหาติดขัดอะไรตนจึงเพิ่งได้รับเช่นเดียวกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ก็เพิ่งได้รับหนังสือเมื่อวานเช่นเดียวกัน โดยในหนังสือระบุว่า ขอความร่วมมือในการให้ปากคำเนื่องจากถูกกล่าวอ้าง กรณีที่เหตุการณ์ขอคืนพื้นที่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาโดยอ้างว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐโดยถูกสั่งการจาก นายสุเทพ และ นายอภิสิทธิ์ จึงได้ให้ตนไปชี้แจงและเตรียมเอกสารไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเพิ่งรับทราบเมื่อคืน และต้องจัดเตรียมเอกสาร อีกทั้งมีภารกิจที่มีนัดหมายล่วงหน้า ซึ่งตนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือแต่ขอ จึงขอเลื่อนการชี้แจงออกไปสองสัปดาห์ เพราะติดวันหยุดยาวและเพื่อรวบรวมเตรียมเอกสารให้สมบูรณ์ ตนก็อยากให้พนังสอบสวนได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“การไม่เดินทางไปนครบาลวันนี้ ไม่ใช่การบิดพลิ้วเพราะให้ความร่วมมือมาโดยตลอดและคิดว่าประชาชนน่าจะเข้าใจได้ ว่า ผมเพิ่งได้รับหนังสือเมื่อคืนจะให้ไปวันนี้และบอกมีเอกสารให้นำมาด้วยมันคงเป็นไปไม่ได้เพราะเรายังไม่ทราบรายละเอียดเลย ผมไม่คิดยื้อเวลาการสอบสวนและไม่คิดใช้เอกสิทธิ์ส.ส.มาคุ้มครองตัวเอง เพราะในวันที่ไม่มีการประชุมสภาก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งข้อสงสัยหรือไม่ทำไมพนักงานสอบสวนจึงส่งหนังสือกระชั้นชิด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าหนังสือจะส่งมาในช่วงวันจันทร์ แต่ก็แปลกใจว่าทำไมถึงมาช้าเพราะมาถึงวันพฤหัสบดี แล้วจะให้มาชี้แจงวันศุกร์เลยเป็นไปไม่ได้ ตนก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่จะไปสอบถามจากพนักงานสอบสวน โดยเนื้อหาในหนังสือมีการระบุเกี่ยวกับรายละเอียดเหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย. 2553 บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาที่พนักงานสอบสวนต้องการจะทราบข้อเท็จริง โดยไม่ได้เป็นเรื่องการกล่าวหาเป็นเพียงแค่ขอความร่วมมือเพราะในเอกสารมีการอ้างอิงถึงการสั่งการในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.ทั้งนี้ ตนยินดีให้ความร่วมมือหากอยากทราบเรื่องอะไรก็จะชี้แจงให้ทราบ
“ในหนังสือของนครบาลไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เพียงแต่ระบุเหตุการณ์ว่ามีการสั่งการหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ช่วง มี.ค.-พ.ค.แต่ไม่อยากเห็นนักการเมืองให้สัมภาษณ์ลักษณะชี้นำหรือกดดันเจ้าหน้าที่ และขอให้พนักงานสอบสวนได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเป็นอิสระตามหน้าที่ของเขา ทั้งผมและนายสุเทพ พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่เพราะอยากให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเกมที่ต้องการกดดันนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนถือว่าต้องให้ความร่วมมือและเป็นผู้ที่บอกตั้งแต่ตอนเกิดเหตุการณ์ว่าควรมีการสอบข้อเท็จจริงแตกต่าง ซึ่งจะแตกต่างจากหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา ที่ผู้มีอำนาจไม่เคยเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานต่างๆ เข้ามาทำงานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ตนก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว แต่ตนก็ตั้งข้อสังเกตว่า นักการเมืองและสื่อบางฉบับที่เลือกข้าง หรือตัดสินใจนำเสนอเพียงบางแง่มุม ถ้าทำเช่นนี้ก็ไม่เป็นธรรมกับพนักงานสอบสวนในเบื้องต้นที่จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งหมดที่เราสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ความเป็นธรรม ซึ่งต้องเกิดขึ้นบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายควรเข้ามาสนับสนุนการค้นหาความจริงไม่ใช่นำมาเป็นประเด็นการเมือง
ต่อข้อถามที่ว่า ท่านคิดว่าได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังบอกไม่ได้เพราะเพิ่งมีการทำหนังสือเชิญมา และคดีนี้มีการทำต่อเนื่องตั้งแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบและมีข้อสรุปโดยส่วนหนึ่งระบุว่าเป็นการกระทำของผู้ชุมนุม อีกส่วนหนึ่งบอกว่าอาจเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ก็มีการส่งเรื่องมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อก่อนส่งให้อัยการ แต่มีการเปลี่ยนตัวบุคคลที่ทำงานใหม่ ซึ่งไม่ทราบเหตุผลข้อเท็จจริงคืออะไร ส่วนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลให้รูปคดีเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่นั้น คงยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่มีโอกาสได้พบกับพนักงานสอบสวนจึงต้องให้โอกาสเขาทำงานก่อน แต่ในกรณีแกนนำเสื้อแดงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในระหว่างการปราศรัยวันที่ 10 เมษายน 2554 ที่มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานสอบสวนและส่งผลให้คดีอาจเปลี่ยนแปลงไปนั้น พนักงานสอบสวนก็ต้องชี้แจงเหตุผลโดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงคงไม่ได้