สกอ.ถอดใจรับ ร่างประกาศ คุมสภาวิชาชีพฯ ล่ม ชี้เป็นองค์กรอิสระไม่สามารถไปควบคุมได้ ขณะที่ “กำจร” เสนอเปิดโอกาสให้สอบวัดความรู้ ก่อนสอบใบประกอบวิชาชีพ
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม เรื่อง แนวปฏิบัติการดำเนินการหลักสูตรการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรวิชาชีพ โดยมี ตัวแทนจากสภาวิชาชีพทั้ง 13 องค์กร ตัวแทนจากมหาวิทยาลัย (ม.) รัฐ ม.เอกชน ม.ในกำกับรัฐ และมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) จำนวน 139 แห่ง เข้าร่วมประชุมประมาณ 500 คน ว่า ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนปัญหาที่พบ ทั้งกรณีการรับรองสถาบันการศึกษาของแต่ละสภาวิชาชีพ กรณีนักศึกษาที่เรียนในสถาบันที่ไม่ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ ทำอย่างไรจึงจะได้รับการรับรอง กรณีที่สภาวิชาชีพรับรองสถาบันเป็นรายปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้นักศึกษาได้รับความเดือดร้อน คุณภาพของอาจารย์ผู้สอนในแต่ละสาขาร่วมถึงห้วงเวลาในการรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ เพราะบางแห่งเปิดรับนักศึกษาทั้งที่หลักสูตรยังไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสภาวิชาชีพ อย่างไรก็ตาม ตนได้เสนอต่อที่ประชุมว่า เป็นไปได้หรือที่จะเปิดโอกาสให้นักศึกษา ที่จบจากสถาบันที่ไม่ผ่านการรับรองจากสภาวิชาชีพ ได้มีโอกาสสอบใบประกอบวิชาชีพได้ทางใดทางหนึ่ง เช่น อาจจะเปิดโอกาสให้มีการสอบในลักษณะวัดความรู้ หรือประสบการณ์ หรือฝึกอบรมในวิชาชีพนั้นๆ ในสถานประกอบการ ก่อนไปสอบใบประกอบวาชีพ โดยมีข้อแม้ว่า นักศึกษาจะต้องเรียนครบทุกราชวิชาตามที่กำหนด
“จากนี้ สกอ.จะทำหนังสือสอบถามไปยังสภาวิชาชีพ ในเรื่องการรับรองปริญญา การรับรองสถาบันข้อแม้ต่างๆ ที่แต่ละสภาวิชาชีพกำหนดไว้รวมถึงระยะเวลาที่แต่ละสภาวิชาชีพใช้ในการรับรองสถาบัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เช่นที่ผ่านมา จากนั้น สกอ.จะแจ้งไปยังมหาวิทยาลัย ว่า สามารถรับข้อกำหนดที่แต่ละสภาวิชาชีพกำหนดมาได้หรือไม่ หากรับไม่ได้ก็จะได้นำมาหารือและแก้ไขปรับปรุงให้ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย”รองเลขาธิการ กกอ.กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวด้วยว่า ความคืบหน้ากรณีที่ สกอ.เตรียมจัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติการพิจารณาหลักสูตรการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรวิชาชีพ พ.ศ... ของ 13 สภาวิชาชีพ คงไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว เพราะสภาวิชาชีพถือเป็นองค์กรอิสระ สกอ.ไม่มีอำนาจไปควบคุม ดังนั้นคงต้องใช้แนวทางสร้างความเข้าใจและแก้ปัญหาร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาคณะเทคนิคการแพทย์ มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ที่ล่าสุดตัวแทนนักศึกษา ระบุว่า หลักสูตรไม่ได้รับการรับรองจากสภาเทคนิคการแพทย์ ภายหลังการตรวจประเมินรอบ 3 โดย รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า จากการสอบถามข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่นักศึกษาระบุ ซึ่งเรื่องนี้ มรภ.บ้านสมเด็จฯ ก็พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ โดยมีนักศึกษาส่วนหนึ่งขอโอนย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่น เช่น ม.รังสิต ส่วนนักศึกษาที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถร้องเรียนต่อศาลปกครองได้ นอกจากนี้ อยากให้นักศึกษาส่งเรื่องที่ร้องเรียนต่อเครือข่ายเพื่อการพิทักษ์สิทธินิสิตนักศึกษาที่เกี่ยวกับการจัดการสอนไม่เป็นไปตามโฆษณาประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ที่ประกาศสอนหลักสูตรสองภาษา ของ ม.รัฐ แต่ปรากฏว่า สอนแต่ภาษาไทย รวมทั้งคณะครุศาสตร์ มรภ.แห่งหนึ่ง เปิดรับนักศึกษามากถึง 6,000 คน นั้น มายัง สกอ.ด้วย เพื่อเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือส่งให้สภาวิชาชีพ ตรวจสอบ เพื่อรักษาคุณภาพของสถานศึกษา หากเป็นไปตามที่นักศึกษาร้องเรียน มหาวิทยาลัยก็ต้องชี้แจง
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม เรื่อง แนวปฏิบัติการดำเนินการหลักสูตรการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรวิชาชีพ โดยมี ตัวแทนจากสภาวิชาชีพทั้ง 13 องค์กร ตัวแทนจากมหาวิทยาลัย (ม.) รัฐ ม.เอกชน ม.ในกำกับรัฐ และมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) จำนวน 139 แห่ง เข้าร่วมประชุมประมาณ 500 คน ว่า ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนปัญหาที่พบ ทั้งกรณีการรับรองสถาบันการศึกษาของแต่ละสภาวิชาชีพ กรณีนักศึกษาที่เรียนในสถาบันที่ไม่ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ ทำอย่างไรจึงจะได้รับการรับรอง กรณีที่สภาวิชาชีพรับรองสถาบันเป็นรายปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้นักศึกษาได้รับความเดือดร้อน คุณภาพของอาจารย์ผู้สอนในแต่ละสาขาร่วมถึงห้วงเวลาในการรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ เพราะบางแห่งเปิดรับนักศึกษาทั้งที่หลักสูตรยังไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสภาวิชาชีพ อย่างไรก็ตาม ตนได้เสนอต่อที่ประชุมว่า เป็นไปได้หรือที่จะเปิดโอกาสให้นักศึกษา ที่จบจากสถาบันที่ไม่ผ่านการรับรองจากสภาวิชาชีพ ได้มีโอกาสสอบใบประกอบวิชาชีพได้ทางใดทางหนึ่ง เช่น อาจจะเปิดโอกาสให้มีการสอบในลักษณะวัดความรู้ หรือประสบการณ์ หรือฝึกอบรมในวิชาชีพนั้นๆ ในสถานประกอบการ ก่อนไปสอบใบประกอบวาชีพ โดยมีข้อแม้ว่า นักศึกษาจะต้องเรียนครบทุกราชวิชาตามที่กำหนด
“จากนี้ สกอ.จะทำหนังสือสอบถามไปยังสภาวิชาชีพ ในเรื่องการรับรองปริญญา การรับรองสถาบันข้อแม้ต่างๆ ที่แต่ละสภาวิชาชีพกำหนดไว้รวมถึงระยะเวลาที่แต่ละสภาวิชาชีพใช้ในการรับรองสถาบัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เช่นที่ผ่านมา จากนั้น สกอ.จะแจ้งไปยังมหาวิทยาลัย ว่า สามารถรับข้อกำหนดที่แต่ละสภาวิชาชีพกำหนดมาได้หรือไม่ หากรับไม่ได้ก็จะได้นำมาหารือและแก้ไขปรับปรุงให้ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย”รองเลขาธิการ กกอ.กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวด้วยว่า ความคืบหน้ากรณีที่ สกอ.เตรียมจัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติการพิจารณาหลักสูตรการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรวิชาชีพ พ.ศ... ของ 13 สภาวิชาชีพ คงไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว เพราะสภาวิชาชีพถือเป็นองค์กรอิสระ สกอ.ไม่มีอำนาจไปควบคุม ดังนั้นคงต้องใช้แนวทางสร้างความเข้าใจและแก้ปัญหาร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาคณะเทคนิคการแพทย์ มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ที่ล่าสุดตัวแทนนักศึกษา ระบุว่า หลักสูตรไม่ได้รับการรับรองจากสภาเทคนิคการแพทย์ ภายหลังการตรวจประเมินรอบ 3 โดย รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า จากการสอบถามข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่นักศึกษาระบุ ซึ่งเรื่องนี้ มรภ.บ้านสมเด็จฯ ก็พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ โดยมีนักศึกษาส่วนหนึ่งขอโอนย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่น เช่น ม.รังสิต ส่วนนักศึกษาที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถร้องเรียนต่อศาลปกครองได้ นอกจากนี้ อยากให้นักศึกษาส่งเรื่องที่ร้องเรียนต่อเครือข่ายเพื่อการพิทักษ์สิทธินิสิตนักศึกษาที่เกี่ยวกับการจัดการสอนไม่เป็นไปตามโฆษณาประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ที่ประกาศสอนหลักสูตรสองภาษา ของ ม.รัฐ แต่ปรากฏว่า สอนแต่ภาษาไทย รวมทั้งคณะครุศาสตร์ มรภ.แห่งหนึ่ง เปิดรับนักศึกษามากถึง 6,000 คน นั้น มายัง สกอ.ด้วย เพื่อเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือส่งให้สภาวิชาชีพ ตรวจสอบ เพื่อรักษาคุณภาพของสถานศึกษา หากเป็นไปตามที่นักศึกษาร้องเรียน มหาวิทยาลัยก็ต้องชี้แจง
