xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด สปสช.ไฟเขียวเพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัวปี 55

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วิทยา” เผย บอร์ด สปสช.มีมติอนุมัติเพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัวปี 55 เพื่อให้การบริหารคล่องตัว บอร์ดเห็นชอบแนวทางจัดทำฐานข้อมูล 3 กองทุนสุขภาพภาครัฐ

วันนี้ (5 มี.ค.) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาแนวทางการบริหารระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีข้อเสนอให้มีการปรับปรุงกรอบวงเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2555 ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ซึ่งที่ประชุมบอร์ดได้เห็นชอบอนุมัติตามกรอบวงเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะนำงบประมาณ 2555 มาใช้ในงบเหมาจ่ายรายหัวปี 2555 จำนวน 2,755.60 บาทต่อประชากร เพิ่มจากปี 2554 ที่ได้รับ 2,546.48 บาทต่อประชากร

นายวิทยา กล่าวว่า งบประมาณจำนวนดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ตามกรอบที่เสนอมา ประกอบด้วย 1.งบเหมาจ่ายรายหัว 100,391,131,000 ล้านบาท สำหรับประชากร 48,333,000 คน 2.งบบริการสุขภาพผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ 2,940.055 ล้านบาท สำหรับประชากร 157,600 คน 3.งบบริการสุขภาพผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 3,857.893 ล้านบาท สำหรับประชากร 21,476 คน 4.งบบริการควบคุมป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง 437.895 ล้านบาท สำหรับประชากร 1,614,210 คน 5.งบบริการสุขภาพผู้ป่วยจิตเวช 187.141 ล้านบาท สำหรับประชากร 111,172 คน

นายวิทยา ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพฯ ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยได้หารือร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งครั้งนั้นมีข้อสรุปว่า จะมีกิจกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้นเพิ่มเติมใน 4 ประเด็น คือ 1.การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนาเครือข่ายบริการแบบครบวงจรภายในพื้นที่ตาม Service Plan ของกระทรวงสาธารณสุข 2.สนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีไทยฯของกระทรวงสาธารณสุข 3.สนับสนุนการอบรมฟื้นฟูความรู้ อสม.ในการจัดการสุขภาพชุมชน ผ่านการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับกองทุนสุขภาพตำบล 4.สนับสนุนการพัฒนาคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพระดับจังหวัด ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ ข้อสรุปเพื่อให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในหลายประเด็น อาทิการลดอัตราตายโรคหัวใจขาดเลือด ให้เหลือร้อยละ 1 และอัตราตายโรคหลอดเลือดสมองให้เหลือเพียงร้อยละ 1 รวมทั้งในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง เพื่อให้ได้รับการคัดกรองภาวะแทรกซ้อน ร้อยละ 60 และให้ผู้ป่วยนอกร้อยละ 10 ได้รับบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พิจารณาสนับสนุนการดำรงรักษาแพทย์ที่ทำงานในพื้นที่ที่มีปัญหา เช่น พื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่ห่างไกล ภายใต้การดำเนินงานโครงการสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการแบบครบวงจร

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า กรณีความคืิบหน้าของการบรูณาการลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง 3 กองทุนสุขภาพภาครัฐ คือกองทุนสวัสดิการข้าราชการ กองทุนประกันสังคม และกองทุนประกันสุขภาพ 30 บาท เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหลังจากที่มีนโยบายการดูแลผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินให้ได้รับบริการที่เร็วที่สุด ซึ่งจะเริ่มให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศทั้งรัฐและเอกชนโดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว ไม่มีการถามสิทธิ์อีกต่อไป ไม่ต้องสำรองจ่ายเงินล่วงหน้า ในการเตรียมพร้อมเริ่มระบบบริการดังกล่าว ได้มอบหมายให้นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์ วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.หารือข้อสรุปการบริหารค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกันของ 3 กองทุนให้เสมอภาคและเท่าเทียม อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายแพทย์ ไพจิตร์ ได้เชิญหน่วยบริการประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติกับโรงพยาบาลในสังกัด และประสานโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย ตำรวจ กลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียว

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า การเตรียมพร้อมเริ่มระบบบริการนั้น สปสช.ทำหน้าที่ 2 ประการ คือ จัดทำโปรแกรมรองรับการเบิกจ่ายหรือทำหน้าที่เป็นหน่วยระบบจ่ายกลาง (Clearing house) ในการจ่ายค่าชดเชยบริการ และให้หน่วยบริการทั้ง 3 กองทุน ซึ่งจะต้องประชุมชี้แจงหน่วยบริการเพื่อให้เข้าใจวิธีการเบิกจ่าย หากระบบต่างๆ มีความพร้อมจะดำเนินการทั้งโรงพยาบาลสังกัดภาครัฐและเอกชนทุกแห่งทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน เตรียมจัดทำฐานข้อมูลเพื่อบันทึกข้อมูลของ 3 กองทุนลงฐานข้อมูล 1330 และจัดประชุมให้เจ้าหน้าที่ มีข้อมูลเพื่อจะตอบข้อสงสัยให้กับผู้ให้บริการและผู้รับบริการ คาดว่า เมื่อผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการในวันนี้แล้ว (5 มี.ค.) จะเร่งดำเนินการต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น