ไทย หารือ จีน เตรียมลงนามความร่วมมือฉบับใหม่ “สุชาติ” ร้องขอครูอาสาจีนมาไทยเพิ่มอีก 10,000 คน จากเดิมที่ร่วมมือกับฮั่นปั้นจัดส่งมาให้ปีละกว่า 1 พันคน เล็งเดินทางไปเยือนจีน ช่วงมีนาคม-เมษายน นี้ พร้อมเผยเฉียวปั้นอาสาประสานสมาคมจีนโพ้นทะเลจัดหาครูจีนมาสอนในไทย ขณะที่ รมช.ศึกษาธิการจีน เผย อยากให้ไทยสนับสนุนส่งครูไปสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยที่จีน ด้วย
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงผลการหารือกับ นายฮ่าว ผิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารยูเนสโก ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า ศธ.ของทั้งสองประเทศได้มีความตกลงด้านการศึกษาระหว่างกัน และจะมีการบันทึกความตกลงระดับรัฐบาล และบันทึกความตกลงในเรื่องส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนกับสำนักงานส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนนานาชาติ หรือ ฮั่นปั้น ซึ่งบันทึกข้อตกลงดังกล่าวกำลังจะต้องมีการลงนามต่ออายุ และตนจะเดินทางไปเยือนจีน เพื่อมีการลงนามต่ออายุความตกลงทั้งสองฉบับด้วยในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายนนี้ ด้วยเหตุนี้ ตนและ รมช.ศึกษาธิการของจีน จึงใช้โอกาสที่เดินทางมาร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารยูเนสโก หารือกันเกี่ยวกับบันทึกความร่วมมือฉับใหม่นี้ โดย นายฮ่าว ผิง ได้กล่าวแสดงความยินดีที่จะต้อนรับและจะมีหนังสือเชิญมายัง ศธ.ไทยอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ตนได้เสนอว่าประเทศไทยต้องการขอความสนับสนุนจากประเทศจีนในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนในไทยเพิ่มเติม แม้ว่าที่ผ่านมา จีนได้ให้การสนับสนุนการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยตามที่มีความตกลงฉบับเก่ากับฮั่นปั้น โดยมีการส่งครูอาสาจากจีนมาในไทยประมาณ 1,250 คน แต่ขณะนี้ในประเทศไทยมีการขยายตัวในเรื่องการเรียนการสอนภาษาจีนมากขึ้น ทำให้จำนวนครูอาสาสมัครไม่เพียงพอตามความต้องการ ตนได้ร้องขอจากประเทศจีนผ่าน
ทาง รมช.ศึกษาฯ กล่าวว่า ประเทศไทยอยากจะขอเพิ่มจำนวนครูอาสาที่ส่งมาเป็น 10,000 คน “ในอีก 5 ปีข้างหน้า ประเทศจีนมีแผนส่งครูอาสาไปทั่วเอเชียเพิ่มเป็น 100,000 คน และมีแผนให้ทุนไปศึกษาในประเทศจีน อีกจำนวน 100,000 คน โดยไม่จำเป็นต้องศึกษาทางด้านภาษา แต่ไปศึกษาสาขาใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ เพราะฉะนั้นผมจึงขอให้ทางจีนส่งครูอาสากลุ่มนี้มาไทยเป็น 10,000 คน ทั้งนี้ รมช.ศึกษาธิการ ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกับข้อเรียกร้อง” ศ.ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า ศธ. กล่าวและว่า นอกจากนั้น ไทยได้หารือกับสมาคมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทย-จีน (เฉียวปั้น) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนในประเทศไทยได้รับการประสานงานจากสำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเลของจีนว่า สามารถที่จะช่วยสนับสนุนครูชาวจีนให้เข้ามาช่วยสอนภาษาจีนในประเทศไทยได้
ด้าน นายฮ่าว ผิง กล่าวว่า รัฐบาลจีนถือว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญและคนไทยเป็นเสมือนพี่น้องกับคนจีน และโดยส่วนตัว ตนเองเคยดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และได้มีโอกาสรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หลายครั้ง ทำให้รู้สึกผูกพันกับประเทศไทย อีกทั้งยังได้มีโอกาสมาเยือนประเทศไทยดัวย นอกจากนี้มีความรู้สึกชื่นชมศูนย์หนังสือของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีหนังสือที่ดีและราคาถูก อย่างไรก็ตาม จีนประสงค์จะจัดตั้งศูนย์ศึกษาของประเทศต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย ประมาณ 200 แห่ง รวมทั้งศูนย์ไทยศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวจีนได้เรียนรู้ประเทศต่างๆ ในโลกมากขึ้น และขณะนี้รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 5 ปี จะมีนักเรียน/นักศึกษาจากประเทศอาเซียนเข้ามาศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 100,000 คน ซึ่งจะมีทุนสนับสนุนให้ โดยจะส่งเสริมให้เข้าไปศึกษาในสาขาต่างๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมศาสตร์ โดยประสงค์จะขอให้รัฐบาลไทยส่งเสริมให้นักเรียน/นักศึกษาไทยเข้าไปศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีนมากขึ้น ในขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็จะส่งเสริมให้นักเรียน/นักศึกษาจีนมาศึกษาในสถาบันการศึกษาของไทย
มากขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายจีนขอให้ไทยพิจารณาจัดส่งครูไทยไปสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยให้แก่นักเรียน/นักศึกษาจีนในประเทศจีนด้วย
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงผลการหารือกับ นายฮ่าว ผิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารยูเนสโก ที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า ศธ.ของทั้งสองประเทศได้มีความตกลงด้านการศึกษาระหว่างกัน และจะมีการบันทึกความตกลงระดับรัฐบาล และบันทึกความตกลงในเรื่องส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนกับสำนักงานส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนนานาชาติ หรือ ฮั่นปั้น ซึ่งบันทึกข้อตกลงดังกล่าวกำลังจะต้องมีการลงนามต่ออายุ และตนจะเดินทางไปเยือนจีน เพื่อมีการลงนามต่ออายุความตกลงทั้งสองฉบับด้วยในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายนนี้ ด้วยเหตุนี้ ตนและ รมช.ศึกษาธิการของจีน จึงใช้โอกาสที่เดินทางมาร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารยูเนสโก หารือกันเกี่ยวกับบันทึกความร่วมมือฉับใหม่นี้ โดย นายฮ่าว ผิง ได้กล่าวแสดงความยินดีที่จะต้อนรับและจะมีหนังสือเชิญมายัง ศธ.ไทยอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ตนได้เสนอว่าประเทศไทยต้องการขอความสนับสนุนจากประเทศจีนในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนในไทยเพิ่มเติม แม้ว่าที่ผ่านมา จีนได้ให้การสนับสนุนการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยตามที่มีความตกลงฉบับเก่ากับฮั่นปั้น โดยมีการส่งครูอาสาจากจีนมาในไทยประมาณ 1,250 คน แต่ขณะนี้ในประเทศไทยมีการขยายตัวในเรื่องการเรียนการสอนภาษาจีนมากขึ้น ทำให้จำนวนครูอาสาสมัครไม่เพียงพอตามความต้องการ ตนได้ร้องขอจากประเทศจีนผ่าน
ทาง รมช.ศึกษาฯ กล่าวว่า ประเทศไทยอยากจะขอเพิ่มจำนวนครูอาสาที่ส่งมาเป็น 10,000 คน “ในอีก 5 ปีข้างหน้า ประเทศจีนมีแผนส่งครูอาสาไปทั่วเอเชียเพิ่มเป็น 100,000 คน และมีแผนให้ทุนไปศึกษาในประเทศจีน อีกจำนวน 100,000 คน โดยไม่จำเป็นต้องศึกษาทางด้านภาษา แต่ไปศึกษาสาขาใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ เพราะฉะนั้นผมจึงขอให้ทางจีนส่งครูอาสากลุ่มนี้มาไทยเป็น 10,000 คน ทั้งนี้ รมช.ศึกษาธิการ ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกับข้อเรียกร้อง” ศ.ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า ศธ. กล่าวและว่า นอกจากนั้น ไทยได้หารือกับสมาคมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทย-จีน (เฉียวปั้น) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนในประเทศไทยได้รับการประสานงานจากสำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเลของจีนว่า สามารถที่จะช่วยสนับสนุนครูชาวจีนให้เข้ามาช่วยสอนภาษาจีนในประเทศไทยได้
ด้าน นายฮ่าว ผิง กล่าวว่า รัฐบาลจีนถือว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญและคนไทยเป็นเสมือนพี่น้องกับคนจีน และโดยส่วนตัว ตนเองเคยดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และได้มีโอกาสรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หลายครั้ง ทำให้รู้สึกผูกพันกับประเทศไทย อีกทั้งยังได้มีโอกาสมาเยือนประเทศไทยดัวย นอกจากนี้มีความรู้สึกชื่นชมศูนย์หนังสือของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีหนังสือที่ดีและราคาถูก อย่างไรก็ตาม จีนประสงค์จะจัดตั้งศูนย์ศึกษาของประเทศต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย ประมาณ 200 แห่ง รวมทั้งศูนย์ไทยศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวจีนได้เรียนรู้ประเทศต่างๆ ในโลกมากขึ้น และขณะนี้รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 5 ปี จะมีนักเรียน/นักศึกษาจากประเทศอาเซียนเข้ามาศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 100,000 คน ซึ่งจะมีทุนสนับสนุนให้ โดยจะส่งเสริมให้เข้าไปศึกษาในสาขาต่างๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมศาสตร์ โดยประสงค์จะขอให้รัฐบาลไทยส่งเสริมให้นักเรียน/นักศึกษาไทยเข้าไปศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีนมากขึ้น ในขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็จะส่งเสริมให้นักเรียน/นักศึกษาจีนมาศึกษาในสถาบันการศึกษาของไทย
มากขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายจีนขอให้ไทยพิจารณาจัดส่งครูไทยไปสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยให้แก่นักเรียน/นักศึกษาจีนในประเทศจีนด้วย
