สพฐ.เตรียมปรับวิธีอบรมครูใหม่เลิกวิธีการเหมารวม เป็นอบรมแบบ Face to face เน้นตรงตามสมรรถนะของครู หวังนำมาใช้ในการประเมินวิทยฐานะ พร้อมประสานสถาบันอุดมศึกษา 27 แห่งจัดอบรมครูและบุคลากรกว่า 3 แสนคน เก็บผลการอบรมไว้ใช้ได้ 3 ปี
วันนี้ (28 ก.พ.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ.จะปรับการอบรมพัฒนาครูใหม่ เลิกวิธีแบบเหมาโหลอบรมพร้อมๆ กันมาเป็นการจัดคอร์สอบรมตามสมรรถนะของครูแต่ละคนเพราะจะทำแบบ Face to face และต้องมีการประเมินสมรรถนะครูก่อนเข้ารับการอบรมพัฒนาและสำหรับปี 2555 นี้ สพฐ.มีแผนพัฒนาครูระดับมาสเตอร์ทิชเชอร์ (Master Teacher) หรือ ครูต้นแบบจำนวน 19,051 คน โดยจะมุ่งเน้นที่ครูวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น และมีแผนอบรมครูอีก 121,176 ใน 24 กลุ่มวิชา ที่สำคัญการพัฒนาครูนั้น สพฐ.วางแผนจะขอให้การอบรมนั้นเชื่อมโยงกับการเลื่อนวิทยฐานะครู เพื่อนำผลการประเมินวิทยฐานะครู ซึ่งเมื่อครูจบการอบรมจะนำผลส่วนนี้เข้าสู่การประเมินวิทยฐานะครูด้วย อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะต้องทำรายละเอียดและเสนอให้ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนด้วย
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือเรื่องการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีและเลื่อนวิทยฐานะ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 80 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ทั้งนี้ เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพและคุณสมบัติเหมาะสมตามวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดโดย สพฐ.มีเป้าหมายที่จะอบรมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวน 335,000 คน แบ่งเป็น ครูผู้สอน จำนวน 289,400 คน ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 29,093 คน รอง ผอ.สถานศึกษา จำนวน 6,809 คน และศึกษานิเทศก์ 3,945 คน
ทั้งนี้ สพฐ.ได้ประสานสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 27 แห่งที่เปิดสอนในคณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์ทั่วประเทศ มาร่วมอบรมพัฒนาครู ซึ่งผู้เข้าร่วมอบรมสามารถสมัครเข้ารับการอบรมได้โดยจะเริ่มอบรมตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เป็นต้นไป สำหรับผลการอบรมพัฒนานั้นจะสามารถเก็บไว้ใช้ได้เป็นระยะเวลา 3 ปีหากครบกำหนดแล้วต้องเข้ารับอบรมใหม่
