กทม.วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก สั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมสนับสนุนการทำงานของ สตช.พร้อมติดตั้งซีซีทีวีในจุดเสี่ยงเพิ่ม เร่งพัฒนาให้เชื่อมต่อกับกล้องของเอกชน เรียกประชุมหน่วยงานมั่นคง 17 ก.พ.นี้
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.แถลงข่าวมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันด้านความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จากกรณีเหตุการณ์ระเบิด 3 จุด ที่ซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนอยู่ระหว่างการเดินทางกลับจากราชการต่างประเทศ และติดภารกิจในการร่วมประชุมการรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในงานมูลนิธิซีไรต์ จึงได้มอบหมายให้นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม.เข้าตรวจสอบเหตุการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ กรณีดังนี้อยู่ในส่วนความรับผิดชอบของฝ่ายความมั่นคง คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ส่วน กทม.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยส่งเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย จำนวน 17 นาย พร้อมรถดับเพลิง 4 คัน เจ้าหน้าที่เทศกิจเขต 20 นาย ไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการกันฝูงชนและอำนวยการจราจร และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาด 20 คน พร้อมรถน้ำ และรถไฟฟ้าส่องสว่าง เข้าทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าวจนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏ อยากให้เชื่อมั่นในการทำงานของ สตช.และขอให้มั่นใจว่า กทม.จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และ สตช.เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ กทม.อาทิ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย ให้เตรียมความพร้อมที่จะดูแลรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ กรณีมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ กทม.พร้อมที่จะติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) เพิ่มในพื้นที่ที่รัฐบาลคิดว่าเป็นจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมมีอยู่แล้ว 12,000 ตัว และกำลังเร่งติดตั้งอีก 10,000 ตัว ภายในปีนี้ ให้ครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุด นอกจากนี้ กทม.จะเร่งพัฒนากล้องซีซีทีวีให้เชื่อมโยงกับกล้องซีซีทีวีของหน่วยงานเอกชนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาทิ โรงแรม ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า แต่ก็ต้องอาศัยงบประมาณและความร่วมมือของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) จะมีการนัดประชุมหน่วยงานความมั่นคงภายในที่เกี่ยวข้องในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคิดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้น
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.แถลงข่าวมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันด้านความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จากกรณีเหตุการณ์ระเบิด 3 จุด ที่ซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนอยู่ระหว่างการเดินทางกลับจากราชการต่างประเทศ และติดภารกิจในการร่วมประชุมการรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในงานมูลนิธิซีไรต์ จึงได้มอบหมายให้นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม.เข้าตรวจสอบเหตุการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ กรณีดังนี้อยู่ในส่วนความรับผิดชอบของฝ่ายความมั่นคง คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ส่วน กทม.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยส่งเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย จำนวน 17 นาย พร้อมรถดับเพลิง 4 คัน เจ้าหน้าที่เทศกิจเขต 20 นาย ไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการกันฝูงชนและอำนวยการจราจร และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาด 20 คน พร้อมรถน้ำ และรถไฟฟ้าส่องสว่าง เข้าทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าวจนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏ อยากให้เชื่อมั่นในการทำงานของ สตช.และขอให้มั่นใจว่า กทม.จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และ สตช.เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ กทม.อาทิ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย ให้เตรียมความพร้อมที่จะดูแลรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ กรณีมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ กทม.พร้อมที่จะติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) เพิ่มในพื้นที่ที่รัฐบาลคิดว่าเป็นจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมมีอยู่แล้ว 12,000 ตัว และกำลังเร่งติดตั้งอีก 10,000 ตัว ภายในปีนี้ ให้ครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุด นอกจากนี้ กทม.จะเร่งพัฒนากล้องซีซีทีวีให้เชื่อมโยงกับกล้องซีซีทีวีของหน่วยงานเอกชนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาทิ โรงแรม ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า แต่ก็ต้องอาศัยงบประมาณและความร่วมมือของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) จะมีการนัดประชุมหน่วยงานความมั่นคงภายในที่เกี่ยวข้องในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคิดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้น
