กทม.เล็งฟ้อง ส.ส.-ผู้แทน กมธ.วิสามัญสอบข้อเท็จจริงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เหตุใช้ถ้อยคำดูถูกดูหมิ่นกล่าวหา กทม.ทุจริตซื้อกล้องซีซีทีวี
วันนี้ (19 ม.ค.) เวลา 13.00 น.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพทหานคร (กทม.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.แถลงข่าวชี้แจงการตรวจสอบการจัดซื้อกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ว่า ตนเองได้สั่งการสำนักกฎหมายและคดี กทม.รวบรวมเอกสารทั้งหมด เพื่อพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีตามความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 328 และ 393 ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ กทม.เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ภายหลังจากที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กทม.กล่าวหาว่า กทม.ทุจริตการประมูลจัดซื้อกล้องซีซีทีวี โดยใช้ถ้อยคำส่อเสียด ดูถูก เหยียดหยาม เป็นการดูหมิ่นกทม.นอกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
นายธีระชน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนคณะกรรมาธิการวิสามัญสอบข้อเท็จจริงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด สภาผู้แทนราษฎร บางท่านไม่ได้เป็น ส.ส.ได้แสดงพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันต่อผู้แทน กทม.ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบข้อเท็จจริงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวทำให้บุคคลที่ 3 และประชาชนทั่วไปขาดความเชื่อถือศรัทธาในการบริหารงานของ กทม.
นายธีระชน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้เรียกตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับราคาติดตั้งสายเคเบิลใยแก้วนำแสง จุดติดตั้งกล้องซีซีทีวีและอุปกรณ์หุ้มกล้อง ค่าบำรุงรักษาระบบเครือข่ายสื่อสารและระบบโทรทัศน์วงจรปิด ตลอดจนค่าวัสดุอุปกรณ์ นอกจากนี้ ยังได้เรียกเอกสารจากหน่วยงานอื่นๆ อาทิ โครงการติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสงและกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซีซีทีวี ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และข้อมูลรายละเอียดราคาสายใยแก้วนำแสงและราคาเดินสายใยแก้วนำแสงของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อเปรียบเทียบราคา ซึ่งพบว่า โครงการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีสายไฟเบอร์ออพติคภายใต้คุณภาพและปริมาณเดียวกันนั้น การจัดหาของ กทม.ไม่ได้มีราคาสูงกว่าการจัดหาของสำนักงาน ป.ป.ช.และ กฟน.ด้วย
“ผมไม่อยากเห็นนักการเมืองเอาความปลอดภัยของประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อลดความน่าเชื่อถือหรือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะการทำร้ายองค์กร ซึ่ง กทม.เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผมจะทำทุกวิถีทาง เพื่อเรียกชื่อเสียงและเกียรติยศของ กทม.กลับคืนมา ดังนั้นกทม.ขอยืนนยันว่า ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบขององค์กรอิสระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สตง. ดีเอสไอ หรือ ป.ป.ช.ในทุกเรื่อง เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในการตรวจสอบและจากนี้จะทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะ กมธ.ชุดดังกล่าว เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ดูถูกดูหมิ่น กทม.หรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป” รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า สำหรับโทษนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้กระทำการโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใดๆแผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยกระจายเสียง กระจายภาพ หรือกระทำโดยการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท และมาตรา 393 ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า หรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ