รองผู้ว่าฯ กทม.ระบุ บิ๊กแบ็กที่ตำบลหลักหกทำงานได้ผลแค่ 50% เหตุชาวบ้านกรีดถุงทราย และบางส่วนน้ำล้นแนวถุงต้องซ่อมใหม่ คาดเสร็จพรุ่งนี้
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในภาพรวมของกรุงเทพฯนั้น ทางด้านเหนือ ที่ตำบลหลักหกที่มีการนำ ถุงทรายขนาดใหญ่ (บิ๊กแบ็ก : Big Bag) ไปวางไว้ยังทำงานได้เพียง 50% จากที่คาดไว้ เพราะยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% จากเดิมที่กำหนดจะแล้วเสร็จภายเดือนตุลาคม นอกจากนี้ยังคงพบปัญหาจากคนในพื้นที่เข้าไปกรีดถุงทราย เช่น บริเวณถนนจันทรุเบกษา เป็นช่องแตกแนวยาวประมาณ 20 เมตร บริเวณคลองสองเป็นแนวยาวประมาณ 10 เมตร นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนบริเวณ ริมทางรถไฟหลักหก น้ำล้นข้ามแนวคันกั้นเข้ามาเป็นทางยาว ซึ่งผู้เกี่ยวข้องยืนยันว่าจะเร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จภายในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำทุ่งจากด้านเหนือไม่ให้ไหลเข้ามาเติมน้ำที่กำลังแผ่เข้ากรุงเทพฯชั้นในมากขึ้น ส่วน กทม.ด้านตะวันออก ขณะนี้แม้น้ำจะยังคงท่วมสูง แต่ก็ชัดเจนว่าได้ผ่านจุดสูงสุดและไม่มีปริมาณน้ำก้อนใหญ่แล้ว ทำให้น้ำเริ่มลดระดับลง หลังจาก ศปภ.ได้ส่งเครื่องสูบน้ำอีก 57 เครื่องมาช่วย กทม.ในการระบายน้ำออกไปทางฝั่งตะวันออก ขณะเดียวกัน การที่กรมชลประทานได้ปิดประตูระบายน้ำคลอง 8-10 ทำให้น้ำเข้ามาสู่พื้นที่น้อยลง ส่วนทางด้านฝั่งตะวันตกระดับน้ำเหนือที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ยังคงมีอยู่ จึงถือว่าน้ำยังไม่ผ่านจุดสูงสุด โดยตัวแปรสำคัญ คือการเร่งซ่อมแซมประตูระบายน้ำของกรมชลประทานทั้ง 14 จุดที่อยู่เหนือกทม. รวมถึงคันกั้นของกทม.ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันน้ำใหม่เข้ามาสมทบ ขณะเดียวกันกทม.ก็จะผันน้ำที่มีอยู่ผ่านคลองต่างๆ ลงทะเล และแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกับที่กรมชลจะช่วยดึงน้ำไปลงแม่น้ำท่าจีนด้วย
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงปริมาณน้ำที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของถนนพหลโยธิน บริเวณสถานีรถไฟฟ้าจตุจักร หรือ ถนนวิภาวดี ที่น้ำเลย 5 แยกลาดพร้าวมาจ่อที่คลองบางซื่อ ว่า เป็นเรื่องการไหลของน้ำจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เมื่อน้ำบริเวณดอนเมืองและรังสิตเริ่มลดลง น้ำก็ไหลมาที่ต่ำกว่า ซึ่งหากน้ำผ่านคลองบางซื่อที่กำลังเร่งสูงน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาไปได้ แนวรับต่อไปคือคลองสามเสน และอุโมงค์พระราม 9 ส่วนน้ำจะมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิหรือไม่นั้น ตามแนวการไหลของน้ำก็อาจไปถึง แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะสามารถควบคุมน้ำผ่านปัจจัยต่างๆตามที่วางแผนไว้ได้หรือไม่
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในภาพรวมของกรุงเทพฯนั้น ทางด้านเหนือ ที่ตำบลหลักหกที่มีการนำ ถุงทรายขนาดใหญ่ (บิ๊กแบ็ก : Big Bag) ไปวางไว้ยังทำงานได้เพียง 50% จากที่คาดไว้ เพราะยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% จากเดิมที่กำหนดจะแล้วเสร็จภายเดือนตุลาคม นอกจากนี้ยังคงพบปัญหาจากคนในพื้นที่เข้าไปกรีดถุงทราย เช่น บริเวณถนนจันทรุเบกษา เป็นช่องแตกแนวยาวประมาณ 20 เมตร บริเวณคลองสองเป็นแนวยาวประมาณ 10 เมตร นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนบริเวณ ริมทางรถไฟหลักหก น้ำล้นข้ามแนวคันกั้นเข้ามาเป็นทางยาว ซึ่งผู้เกี่ยวข้องยืนยันว่าจะเร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จภายในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำทุ่งจากด้านเหนือไม่ให้ไหลเข้ามาเติมน้ำที่กำลังแผ่เข้ากรุงเทพฯชั้นในมากขึ้น ส่วน กทม.ด้านตะวันออก ขณะนี้แม้น้ำจะยังคงท่วมสูง แต่ก็ชัดเจนว่าได้ผ่านจุดสูงสุดและไม่มีปริมาณน้ำก้อนใหญ่แล้ว ทำให้น้ำเริ่มลดระดับลง หลังจาก ศปภ.ได้ส่งเครื่องสูบน้ำอีก 57 เครื่องมาช่วย กทม.ในการระบายน้ำออกไปทางฝั่งตะวันออก ขณะเดียวกัน การที่กรมชลประทานได้ปิดประตูระบายน้ำคลอง 8-10 ทำให้น้ำเข้ามาสู่พื้นที่น้อยลง ส่วนทางด้านฝั่งตะวันตกระดับน้ำเหนือที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ยังคงมีอยู่ จึงถือว่าน้ำยังไม่ผ่านจุดสูงสุด โดยตัวแปรสำคัญ คือการเร่งซ่อมแซมประตูระบายน้ำของกรมชลประทานทั้ง 14 จุดที่อยู่เหนือกทม. รวมถึงคันกั้นของกทม.ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันน้ำใหม่เข้ามาสมทบ ขณะเดียวกันกทม.ก็จะผันน้ำที่มีอยู่ผ่านคลองต่างๆ ลงทะเล และแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกับที่กรมชลจะช่วยดึงน้ำไปลงแม่น้ำท่าจีนด้วย
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงปริมาณน้ำที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของถนนพหลโยธิน บริเวณสถานีรถไฟฟ้าจตุจักร หรือ ถนนวิภาวดี ที่น้ำเลย 5 แยกลาดพร้าวมาจ่อที่คลองบางซื่อ ว่า เป็นเรื่องการไหลของน้ำจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เมื่อน้ำบริเวณดอนเมืองและรังสิตเริ่มลดลง น้ำก็ไหลมาที่ต่ำกว่า ซึ่งหากน้ำผ่านคลองบางซื่อที่กำลังเร่งสูงน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาไปได้ แนวรับต่อไปคือคลองสามเสน และอุโมงค์พระราม 9 ส่วนน้ำจะมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิหรือไม่นั้น ตามแนวการไหลของน้ำก็อาจไปถึง แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะสามารถควบคุมน้ำผ่านปัจจัยต่างๆตามที่วางแผนไว้ได้หรือไม่
