ศปภ.มั่นใจ ถุงทรายยักษ์ ชะลอน้ำเข้ากรุงได้ เตรียมวางเพิ่มสายไหม-คลองสอง พร้อมวางอีกที่บางกรวย กันมวลน้ำเข้าฝั่งตะวันตกเพิ่ม แต่โยน กทม.เร่งระบายน้ำออกเอง คาด 7-9 พ.ย.น้ำทะเลลงต่ำ กรมชลฯ ระบายน้ำได้วันละ 30 ล้าน ลบ.ม.
วันที่ 6 พ.ย.นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คณะกรรมการผลักดันน้ำ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำที่ทะลักเข้ามาบนถนนพหลโยธิน วิภาวดี เข้าสู่เขตดอนเมือง สายไหม บางเขน และพื้นที่เขตจตุจักร เป็นน้ำที่ไหลทะลักมาจากคลองรังสิต ว่า เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ รัฐบาลได้วางถุงทรายยักษ์เป็นระยะทางยาวเป็นรูปตัวแอล (L) ซึ่งจะสามารถกัน หรือชะลอน้ำเข้า กทม.ได้ โดยระดับความต่างระหว่างหน้าและหลังแนวถุงทรายยักษ์ประมาณ 30-40 ซม.ดังนั้น ผลดังกล่าวจะเป็นการชะลอน้ำเข้าสู่ กทม.และจากนี้ไปจะเป็นหน้าที่ของ กทม.ที่จะบริหารการระบายน้ำ และสูบน้ำออก
ด้าน นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ในวันที่ 7 พ.ย.เวลา 10.00 น.ศปภ.จะประชุมร่วมกับ กทม.โดยมี นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ร่วมประชุม จะมีการหารือการระดมสรรพกำลังช่วยเหลือ กทม.ทุกด้าน แต่สำหรับการสูบน้ำออกของ กทม.นั้น เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ซึ่งต้องให้ กทม.เป็นผู้ดำเนินเอง แต่รัฐบาลพร้อมสนับสนุนในทุกด้าน อีกทั้ง ศปภ.เตรียมวางถุงทรายยักษ์แนวยาว 130 เมตร บริเวณพื้นที่สายไหมตรงแยก คปอ.จนถึง คลอง 2 บริเวณแยกสายไหม เพื่อปิดช่องทางน้ำไหลจากคลองเปรมฯ รวมถึงเตรียมวางถุงทรายยักษ์ที่บริเวณ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่จะส่งผลให้น้ำไปท่วมถึงบริเวณพระราม 2 ดังนั้น นับเป็นการเพื่อชะลอน้ำฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เข้า กทม.ดังนั้นแนวทางที่กล่าวมาเป็นภาพสะท้อนการแก้ไขปัญหาการชะลอน้ำเข้าสู่พื้นที่ กทม.ทั้งฝั่งตะวันตกและออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้มั่นใจว่าช่วงเวลาวันที่ 7-9 พ.ย.น้ำทะเลจะไม่หนุนสูง ทำให้กรมชลประทานสามารถเปิดประตูระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ประมาณ 30 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน