โลกในความมืดของผู้พิการตาบอด คงจะมีน้อยคนนักที่จะเข้าใจ แม้ว่าตลอดเวลาคนตาบอดพยายามชี้ให้คนตาดีทั้งหลาย เห็นว่า คนตาบอดจำนวนมากเป็นผู้ที่มีความสามารถและดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่เป็นภาระแก่สังคม แม้จะยากลำบาก แต่ก็ไม่ท้อ และพร้อมที่จะก้าวเดินตามความฝัน
มณเฑียร บุญตัน นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการการจัดงาน WBU-ICEVI 2012 ซึ่งประเทศไทยได้รับโอกาสให้เป็นเจ้าภาพครั้งแรก บอกว่า การจัดงานครั้งนี้เพื่อพัฒนาศักยภาพคนตาบอดอย่างเป็นรูปธรรม ถึงแม้เราจะผ่านพ้นจากน้ำท่วม ความขัดแย้ง และอุปสรรคมา เราก็ยังพร้อมที่จะจัดงานใหญ่ในระดับโลกได้ อันนี้ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนตาบอดเรายิ้มสู้ในทุกสถานการณ์ได้
มณเฑียร บอกว่า ความเอื้ออาทรของคนในสังคมที่พร้อมเข้าใจ และเรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันกับคนตาบอด และปรับตัวไปพร้อมๆ กันเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างกิจกรรม “LUNCH IN THE DARK” ก็เป็นการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมสัมผัสโลกในความมืดของคนตาบอดเป็นครั้งแรก เพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นต่อข้อจำกัด และความรู้สึกของคนตาบอด แต่ขณะเดียวกันก็ค้นพบถึงความสามารถของคนตาบอด ที่คนทั่วไปไม่มี หรือทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
มณเฑียร บอกอีกว่า เป้าหมายที่มุ่งเน้นจริงๆ แล้ว คือ ทำอย่างไรเราจึงจะปรับทัศนคติของคนทั่วไปจากเวทนานิยม มาสู่การตระหนักรู้ในศักยภาพของคนพิการ มีมุมมองต่อคนตาบอด และคนพิการด้านอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อ “การสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน (Inclusive Society)” ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้กับคนทั่วโลกได้สัมผัสถึงพลังการขับเคลื่อนนี้
“เราอยากให้รัฐปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งคัด ขจัดการเลือกปฏิบัติทุกอย่าง เปิดประตูให้เราได้เข้าไปศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายหรือยากที่สุด ขอให้มีโอกาสสอบได้หรือสอบตกเหมือนกับคนอื่น ขอให้มีโอกาสประสบความสำเร็จและความล้มเหลว เราไม่อยากให้ใครมาคิดแทนเรา เราอยากให้เราเป็นผู้กำหนดเอง”มณเฑียร บอกความในใจ
ในขณะที่ “หมี” นายวีรชัย แซ่อึ้ง นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะคุรุศาสตร์ สาขาสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เล่าถึงกิจกรรม Lunch in the dark ว่า ก่อนหน้านี้ ได้รับการผ่านการอบรม โดยมีการคัด อบรมสูตรเร่งรัด ตั้งแต่ 08.00-20.00 น.อบรม 1-2 วัน จนเราสามารถที่จะเสิร์ฟ และสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ได้ เราต้องทำหลายอย่างในขณะเดียวกัน อาจจะพูดกับลูกค้าไปด้วยแล้วตอบเครื่องมือสื่อสารพร้อมกัน
“อยากเห็นการให้โอกาสของคนตาบอดมากขึ้น เพราะว่าจริงๆ แล้ว บางคนอาจจะมีคำถามว่าคนเราตาบอดแล้วรู้สึกอย่างไร อยากให้เราลองเอาตัวเองมาสัมผัสในสิ่งที่เราเป็นอยู่ ก็จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น การจัดกิจกรรม Lunch in the dark อาจจะเป็นอีกจุดที่ไม่ต้องเขียนทฤษฎีว่าคนตาบอดจะรู้สึกอย่างไร อันนี้จะเป็นสิ่งที่สามารถตอบได้”
ด้าน “หน่อย” นางสาวพนมพร หน่อคำหล้า นักแปลข่าวและสารคดี หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานรู้สึกประทับใจ ที่คนยังให้ความสำคัญกับผู้พิการอย่างเรา ไม่ทอดทิ้งและยังเห็นคุณค่าในตัวเรา ถึงแม้เราจะตาบอดแต่เราก็สามารถดำรงชีพได้เหมือนคนทั่วไป ถึงจะลำบากแต่เราก็อยู่ได้ ไม่อยากให้คนอื่นมองเราว่าเป็นภาระ เราจึงอยากทำให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าผู้พิการก็สามารถทำได้เหมือนคนปกติทั่วไป
“อยากให้มีเทคโนโลยีรองรับเพราะทำให้เราเราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น เราสามารถทำงานและช่วยเหลือสังคมได้ บางทีอาจจะคิดว่าผู้พิการเป็นภาระของสังคม ให้แต่คนอื่นช่วย แต่ถ้าเราสามารถทำได้เหมือนคนปกติทั่วไป เราก็จะไม่เป็นภาระเราจะได้ช่วยตัวเองได้ ถ้ามีเครื่องอำนวยความสะดวกเพิ่มและให้เราได้เรียนรู้ เราคิดว่าเราจะไม่เป็นภาระแก่ใคร”
สำหรับสมัชชาสหภาพคนตาบอดโลกครั้งที่ 8 และ สมัชชาสภาระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาของคนพิการทางการเห็น WBU-ICEVI 2012 จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 8-18 พ.ย.2555 ณ โรงแรมอิมพิเรียล พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนเยาวชนจิตอาสาที่ต้องการให้กำลังใจ และสนใจร่วมเป็นอาสาสมัครดูแลผู้เข้าร่วมประชุมและช่วยการจัดงานประชุมดังกล่าวได้ รวมทั้งประชาชนที่สนใจ ติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวได้ที่ www.wbu-icevi2012.org
มณเฑียร บุญตัน นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการการจัดงาน WBU-ICEVI 2012 ซึ่งประเทศไทยได้รับโอกาสให้เป็นเจ้าภาพครั้งแรก บอกว่า การจัดงานครั้งนี้เพื่อพัฒนาศักยภาพคนตาบอดอย่างเป็นรูปธรรม ถึงแม้เราจะผ่านพ้นจากน้ำท่วม ความขัดแย้ง และอุปสรรคมา เราก็ยังพร้อมที่จะจัดงานใหญ่ในระดับโลกได้ อันนี้ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนตาบอดเรายิ้มสู้ในทุกสถานการณ์ได้
มณเฑียร บอกว่า ความเอื้ออาทรของคนในสังคมที่พร้อมเข้าใจ และเรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันกับคนตาบอด และปรับตัวไปพร้อมๆ กันเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างกิจกรรม “LUNCH IN THE DARK” ก็เป็นการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมสัมผัสโลกในความมืดของคนตาบอดเป็นครั้งแรก เพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นต่อข้อจำกัด และความรู้สึกของคนตาบอด แต่ขณะเดียวกันก็ค้นพบถึงความสามารถของคนตาบอด ที่คนทั่วไปไม่มี หรือทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
มณเฑียร บอกอีกว่า เป้าหมายที่มุ่งเน้นจริงๆ แล้ว คือ ทำอย่างไรเราจึงจะปรับทัศนคติของคนทั่วไปจากเวทนานิยม มาสู่การตระหนักรู้ในศักยภาพของคนพิการ มีมุมมองต่อคนตาบอด และคนพิการด้านอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อ “การสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน (Inclusive Society)” ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้กับคนทั่วโลกได้สัมผัสถึงพลังการขับเคลื่อนนี้
“เราอยากให้รัฐปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งคัด ขจัดการเลือกปฏิบัติทุกอย่าง เปิดประตูให้เราได้เข้าไปศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายหรือยากที่สุด ขอให้มีโอกาสสอบได้หรือสอบตกเหมือนกับคนอื่น ขอให้มีโอกาสประสบความสำเร็จและความล้มเหลว เราไม่อยากให้ใครมาคิดแทนเรา เราอยากให้เราเป็นผู้กำหนดเอง”มณเฑียร บอกความในใจ
ในขณะที่ “หมี” นายวีรชัย แซ่อึ้ง นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะคุรุศาสตร์ สาขาสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เล่าถึงกิจกรรม Lunch in the dark ว่า ก่อนหน้านี้ ได้รับการผ่านการอบรม โดยมีการคัด อบรมสูตรเร่งรัด ตั้งแต่ 08.00-20.00 น.อบรม 1-2 วัน จนเราสามารถที่จะเสิร์ฟ และสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ได้ เราต้องทำหลายอย่างในขณะเดียวกัน อาจจะพูดกับลูกค้าไปด้วยแล้วตอบเครื่องมือสื่อสารพร้อมกัน
“อยากเห็นการให้โอกาสของคนตาบอดมากขึ้น เพราะว่าจริงๆ แล้ว บางคนอาจจะมีคำถามว่าคนเราตาบอดแล้วรู้สึกอย่างไร อยากให้เราลองเอาตัวเองมาสัมผัสในสิ่งที่เราเป็นอยู่ ก็จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น การจัดกิจกรรม Lunch in the dark อาจจะเป็นอีกจุดที่ไม่ต้องเขียนทฤษฎีว่าคนตาบอดจะรู้สึกอย่างไร อันนี้จะเป็นสิ่งที่สามารถตอบได้”
ด้าน “หน่อย” นางสาวพนมพร หน่อคำหล้า นักแปลข่าวและสารคดี หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานรู้สึกประทับใจ ที่คนยังให้ความสำคัญกับผู้พิการอย่างเรา ไม่ทอดทิ้งและยังเห็นคุณค่าในตัวเรา ถึงแม้เราจะตาบอดแต่เราก็สามารถดำรงชีพได้เหมือนคนทั่วไป ถึงจะลำบากแต่เราก็อยู่ได้ ไม่อยากให้คนอื่นมองเราว่าเป็นภาระ เราจึงอยากทำให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าผู้พิการก็สามารถทำได้เหมือนคนปกติทั่วไป
“อยากให้มีเทคโนโลยีรองรับเพราะทำให้เราเราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น เราสามารถทำงานและช่วยเหลือสังคมได้ บางทีอาจจะคิดว่าผู้พิการเป็นภาระของสังคม ให้แต่คนอื่นช่วย แต่ถ้าเราสามารถทำได้เหมือนคนปกติทั่วไป เราก็จะไม่เป็นภาระเราจะได้ช่วยตัวเองได้ ถ้ามีเครื่องอำนวยความสะดวกเพิ่มและให้เราได้เรียนรู้ เราคิดว่าเราจะไม่เป็นภาระแก่ใคร”
สำหรับสมัชชาสหภาพคนตาบอดโลกครั้งที่ 8 และ สมัชชาสภาระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาของคนพิการทางการเห็น WBU-ICEVI 2012 จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 8-18 พ.ย.2555 ณ โรงแรมอิมพิเรียล พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนเยาวชนจิตอาสาที่ต้องการให้กำลังใจ และสนใจร่วมเป็นอาสาสมัครดูแลผู้เข้าร่วมประชุมและช่วยการจัดงานประชุมดังกล่าวได้ รวมทั้งประชาชนที่สนใจ ติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวได้ที่ www.wbu-icevi2012.org