xs
xsm
sm
md
lg

แฉวัยรุ่นฮิต “บุหรี่กานพลู” หาซื้อง่าย ราคาถูก จี้รัฐควบคุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักวิชาการเผย “บุหรี่กานพลู” ฮิตในหมู่วัยรุ่น ลักลอบขายเกลื่อนเมือง ห้าง ตลาดนัด ชุมชน แถมราคาถูก กลิ่นหอม หาซื้อง่าย หลอกล่อให้เข้าใจผิดว่าพิษน้อย ทั้งๆ ที่เสี่ยงมะเร็งเท่ากัน ในอัตราที่น่ากลัวกว่าเพราะติดง่าย ไม่สำลัก ระบุขนาดอเมริกายังสั่งห้ามนำเข้า จี้จับตาเฝ้าระวัง จับกุม ลักลอบขายผิด กม.และผิด ม.11 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ขายโดยไม่แจ้งส่วนประกอบ โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตัวอย่าง บุหรี่กานพลู
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่โรงแรมสยามซิตี้ สถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย (สสท.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดแถลงข่าวเรื่อง “บุหรี่กานพลู หรู แต่ไล่ล่าลูกหลานไทย” โดย ผศ.ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ สาขาสื่อสารการตลาด คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า บุหรี่กานพลูเป็นบุหรี่ชูรสประเภทหนึ่ง มีต้นกำเนิดจากประเทศอินโดนีเซีย และแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่นภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีการกระจายมายังหลายพื้นที่ เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่น จึงได้เริ่มทำการศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี 2553 พบว่า ตลาดบุหรี่กานพลูโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นราว 60% ทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ที่น่าเป็นห่วง คือ เยาวชนสามารถหาซื้อได้ง่ายทั่วไปใน กทม.ทั้งนี้ พบว่า มีการขายตามแหล่งชุมนุมของวัยรุ่นในหลายเขต ได้แก่ บางกะปิ บางรัก ปทุมวัน พระนคร จตุจักร ดินแดง ราชเทวี ป้อมปราบฯ ปทุมธานี และ นนทบุรี โดยส่วนใหญ่ขายตามหน้าห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า ตลาดนัด โรงหนัง สะพานลอย และร้านค้าในหมู่บ้าน ที่สำคัญ มีราคาถูกกว่าบุหรี่ทั่วไป

“บุหรี่ชนิดนี้มีมานานแล้ว มีทั้งแบรนด์เก่าที่เป็นที่นิยมและแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาตีตลาด ซึ่งบุหรี่ที่ออกมาใหม่จะมีลูกเล่น เช่น ใส่เม็ดมินต์, ออกแบบบรรจุภัณฑ์สวย หรู ทันสมัย สีสันสดใส มีการออกแบบเหมือนกล่องลิปติกทำให้พกพาง่ายสำหรับผู้หญิงและทำกล่องขนาดเล็กสำหรับเยาวชน อีกทั้งมีรสชาติหลากหลาย จูงใจวัยรุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมต้องเฝ้าระวัง”ผศ.ดร.ศรีรัช กล่าว

ผศ.ดร.ศรีรัช กล่าวต่อว่า ส่วนกลยุทธ์ในการขายก็มีทั้งแบบขาย 3-4 มวน ในราคา 20 บาท หรือแม้แต่จัดทำแพกเกจแบบผสมรวมบุหรี่หลายรส ทำให้กลุ่มวัยรุ่นยิ่งเข้าถึงได้ง่าย เพราะขายราคาถูก ขายโจ่งแจ้ง ไม่มีการปกปิดแม้จะของที่ลักลอบนำมาขาย ที่น่ากังวลอีกประการหนึ่ง คือ มีการโฆษณาด้วยคำว่า ไมด์, ไลท์, นิโคตินต่ำ และทาร์ต่ำ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้ผู้สูบหลงเชื่อว่าเป็นบุหรี่ปลอดภัย มีพิษภัยน้อยกว่าบุหรี่อื่นๆ แต่ความจริง บุหรี่กานพลู มีพิษภัยเทียบเท่าบุหรี่ทั่วๆ ไป

นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ประธานรัฐภาคีกฎหมายบุหรี่โลก องค์การอนามัยโลก 2550-2551 กล่าวว่า บุหรี่กานพลู เป็นบุหรี่ที่มีการลักลอบนำเข้ามาเป็นเวลาหลายปี และมีการวางขายอย่างเปิดเผยโดยไม่มีการจับกุม บุหรี่กานพลูเป็นที่นิยมในประเทศอินโดนีเซีย มีการผลิตและส่งออกจำนวนมาก แตกต่างจากบุหรี่ทั่วไป คือ ผลิตจากใบยาสูบ 60% และมีกานพลู 40% เนื่องจากในบุหรี่กานพลูปล่อยกลิ่นหอม ซึ่งมีสาร eugenol ซึ่งเป็นยาชาเฉพาะที่ ที่ทันตแพทย์ใช้ เมื่อสูบบุหรี่กานพลู จะทำให้หลอดลมของผู้สูบชา ทำให้ไม่สำลัก จึงสามารถสูบควันลึกลงไปส่วนลึกของปอด ทำให้โอกาสที่เด็กจะติดบุหรี่จึงมีสูง เมื่อเทียบกับสูบบุหรี่ธรรมดาเมื่อสำลักก็จะมีโอกาสไม่สูบต่อมากกว่า นอกจากนี้ บุหรี่กานพลูยังมีกลิ่นหอม รสเย็นชวนให้เด็กติด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ห้ามนำเข้า ทำให้อินโดนีเซียสูญเสียรายได้จากการส่งออกราวปีละ 1 แสนล้านบาท
แพ็คเกจผลิตภัณฑ์แบบต่าง เช่น แบบกล่องใส่ลิปสติก กล่องแบบบางที่พกพาง่าย จูงใจการซื้อ
นพ.หทัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ การทดสอบของประเทศอินโดนีเซีย ยังพบว่า บุหรี่กานพลูจะปล่อยนิโคติน และก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ และทาร์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งมากกว่าบุหรี่ธรรมดา ดังนั้น ถึงแม้อันตรายจะเทียบเท่ากันแต่เป็นอัตราที่มากกว่า ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกวดขันห้ามนำเข้าอย่างเด็ดขาด และดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ลักลอบนำเข้าบุหรี่กานพลูอย่างเคร่งครัด

ด้านดร.นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า บุหรี่กานพลู ถือเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2509 ซึ่งดูแลโดยกรมควบคุมโรค ที่ไม่ได้แจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ ตามมาตรา 11 ที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบจะต้องมีส่วนประกอบตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจะขายได้ ทั้งนี้ ผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ มีหน้าที่จะต้องแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ฝ่าฝืนมาตรา 11 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังผิด พ.ร.บ.ยาสูบ ซึ่งรับผิดชอบโดยกรมสรรพสามิต หากลักลอบเข้ามาจำหน่ายมีโทษตามมาตรา 46 คือปรับไม่เกิน 500 บาท และผิดมาตรา 50 มีโทษปรับ 15 เท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่ต้องเปิด

ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า อัตราการบริโภคยาสูบเริ่มทรงตัวตั้งแต่ปี 2550 จากที่เคยลดเป็นลำดับ ทั้งนี้เป็นเพราะกลุ่มเยาวชนอายุ 15-18 ปี และ 19-24 ปี มีแนวโน้มสูบบุหรี่สูงขึ้น โดยกลุ่มอายุ 15-18 ปี จากที่มีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำสุดในปี 2544 อยู่ที่ 6.44% เพิ่มเป็น 7.62% ในปี 2552 และกลุ่มอายุ 19-24 ปี จากที่มีอัตราสูบบุหรี่ต่ำสุดในปี2547 อยู่ที่ 20.9% เพิ่มเป็น 22.1% ในปี 2552 โดยวัยรุ่นชายอายุ 19-24 มีอัตราการสูบบุหรี่สูงถึง 51% ขณะที่ วัยรุ่นหญิงที่เคยมีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำเพียง 0.64% ในปี 2550 เพิ่มเป็น 0.66% ในปี 2552 โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงใน กทม.ซึ่งหากไม่สามารถป้องกันนักสูบหน้าใหม่ได้ ประชากรไทยจะเสียชีวิตจากโรคที่มาจากการสูบบุหรี่มากขึ้นกว่าปัจจุบันที่ 48,000 คนต่อปี และรัฐบาลรวมทั้งผู้ป่วยจะสูญเสียค่ารักษาพยาบาลมากกว่า 14,810 ล้านบาทต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น