เอเจนซี - ผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบ่งชี้ว่า ควันไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้านั้นส่งผลให้เชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ (Superbug) เช่นเชื้อ MRSA (Methicilin Resistant Staphylococcus Aureus) แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บของร่างกายลดลง
บุหรี่ไฟฟ้านั้นถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากกว่าสำหรับสิงห์อมควัน เพราะบุหรี่ชนิดนี้ปลอดใบยาสูบและสารเสพติดที่ใส่ในบุหรี่แบบทั่วไป อีกทั้งยังมีผลเสียต่อสุขภาพในระดับที่พอรับได้
แต่อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยล่าสุดนี้ ทีมนักวิจัยชาวสหรัฐฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ หรือ “เอ็มอาร์เอสเอ” สัมผัสกับควันไอน้ำของบุหรี่ไฟฟ้า
แม้การทดลองนี้จะทดสอบใช้กับเชื้อโรคในจานแต่การสัมผัสของเชื้อจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง เพราะว่าเชื้อเอ็มอาร์เอสเอนั้นมักจะแฝงตัวอยู่ในช่องคอและจมูก โดยเชื้อเหล่านี้จะส่งผลก็ต่อเมื่อเราป่วยและภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือไม่ก็แทรกซึมผ่านบาดแผล
จากการการวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเผยให้เห็นว่าปริมาณของควันไอน้ำในระดับเดียวกับที่ออกมาจากควันบุหรี่ไฟฟ้านั้นทำให้เชื้อเอ็มอาร์เอสเอแข็งแรงขึ้นมากกว่าปกติ
ผลลัพธ์ดังกล่าวนำสู่การคาดเดาว่าควันไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้าทำให้พวกเชื้อโรครู้สึกได้ถึงอันตราย พวกมันจึงยกระดับกลไกในการป้องกันตัวเองขึ้น ซึ่งเป็นผลให้พวกมันทนทานต่อยาปฏิชีวนะมากยิ่งขึ้น
ดร.ครอตตี กล่าวบรรยายในการประชุม American Thoracic Society ในหัวข้อ “ควันบุหรี่ไฟฟ้าที่ทวีความอันตรายของเชื้อเอ็มอาร์เอสเอ”
ถึงกระนั้น งานวิจัยชิ้นนี้ก็ไม่ได้บอกว่าอย่างน้อยบุหรี่ธรรมดาก็ดูดีต่อสุขภาพกว่าบุหรี่ไฟฟ้าในบางประการแต่อย่างใด เพราะในความจริงแล้ว ทีมวิจัยกลับพบว่าบุหรี่ธรรมดาเป็นตัวกระตุ้นเชื้อโรคเอ็มอาร์เอสเอได้ดียิ่งกว่าบุหรี่ไฟฟ้าเสียอีก
ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายเมือราว 2 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะในหมู่คนอังกฤษที่ปัจจุบันนิยมหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันมากกว่า 2 ล้านคนจากเมื่อก่อนที่สูบกันอยู่ประมาณ 7 แสนคน