แม้จะมีการรณรงค์ให้ลด ละ เลิก การสูบบุหรี่ รวมไปถึงการไม่สูบบุหรี่ในบริเวณที่สาธารณะ แต่ก็คงต้องยอมรับว่า ยังมีบางคนที่คิดว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะสูบพ่นใส่คนอื่นอย่างไรก็ได้ แบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพคนรอบข้างสักคำ
อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะมาย้อนกลับไปถึงการเริ่มต้นการสูบบุหรี่ ว่าเพราะเหตุใดกันแน่คนจึงหันมาเริ่มต้นสูบบุหรี่ เท่าที่พอตีความได้ หลายคนอาจคิดว่าสูบแล้วดูเท่ โก้ แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวสูบบุหรี่ บางคนสูบบุหรี่ เพื่อระบายความเครียดจากปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่คนติดบุหรี่ใช้เป็นข้ออ้าง เพราะไม่อยากเลิกสูบบุหรี่ด้วย
แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่คิดที่เชื่อผิดๆ แบบนั้นกำลังคุกคามและทำลายร่างกายให้เสื่อมโทรมลงไปทุกวัน เราลองมาดูกันว่า 9 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับบุหรี่ที่คนสูบส่วนใหญ่นั้นเขาคิดอย่างไร
1.ก้นกรองบุหรี่ช่วยลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดแท้จริงแล้วก้นบุหรี่ไม่ได้ทำให้ร่างกายปลอดภัยขึ้น เพราะส่วนที่เป็นก้นกรองไม่สามารถสกัดสารนิโคตินหรือสารไฮโดรคาบอน ที่อยู่ในบุหรี่ออกได้ทั้งหมด
2.บุหรี่รสอ่อนมีอันตรายน้อยกว่า บุหรี่ชนิดที่เรียกว่าไลท์และไมด์ โดยระบุว่าเป็นบุหรี่ชนิดรสอ่อนที่มีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่จากผลการวิจัยพบว่าบุหรี่ทั้งสองชนิด ไม่ได้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาแต่อย่างใด เพียงแค่ต่างกันที่รสชาติเท่านั้น บุหรี่รสอ่อนทำให้ผู้สูบติดบุหรี่มากขึ้น เพราะสูบแล้วไม่ระคายคอสามารถสูบได้ลึก และอัดควันอยู่ในปอดได้นานขึ้น ผลก็คือทำให้เกิดมะเร็งตามมา
3.สูบบุหรี่ทำให้หายเครียด แท้จริงความเชื่อดังกล่าวน่าจะมาจากที่ร่างกายต้องการได้รับสารนิโคตินทุกครั้งที่สูบบุหรี่ สารนิโคตินจะเข้าสู้ร่างกายร้อยละ 95 จะจับอยู่ที่ปอดบางส่วนจะถูกดูดซึมเค้ากระแสโลหิต เมื่อใดที่ระดับสารนิโคตินลดลงจากที่เคยมีอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนของบุหรี่ที่ผู้สูบต่อวัน และจะทำให้เกิดอาการขาดสารนิโคตินคือกระวนกระวาย หงุดหงิด ขาดสมาธิ มึนศีรษะ เหม่อลอย บางคนนอนไม่หลับ และบางคนมีอาการปวดท้องคลื่นใส้ อาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ถ้าผู้สูบบุหรี่ไม่มีความตั้งใจแน่วแน่ในการเลิกสูบบุหรี่ก็จะหันไปสูบอีกเพื่อระงับอาการเหล่านี้
4.ถ้าหยุดสูบทันที่จะทำให้ป่วย ผู้ที่หยุดสูบบุหรี่มักจะถูกตรวจพบว่าเป็นโรคต่างๆ มากที่สุดภายในปีแรกที่เลิกสูบบุหรี่ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะความจริงที่ว่าโรคต่างๆ ได้เกิดตั้งแต่ก่อนที่ผู้สูบจะหยุดสูบบุหรี่ได้ และแม้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่ได้ โรคที่เป็นอยู่แล้วมักจะแสดงออกภายหลังจากที่เลิกสูบบุหรี่ จึงทำให้เข้าใจผิดว่าป่วยเพราะการหยุดสูบ และทำให้การเลิกสูบบุหรี่ไม่สำเร็จ
5.ยาเส้นอันตรายน้อยกว่ายาซอง สถานการณ์บริโภคบุหรี่มวนเอง (ยาเส้น) มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อาจเนื่องจากว่ามีราคาถูกกว่าบุหรี่ซองหลายเท่า แต่ผลที่เกิดขึ้นพบว่าอันตรายเหมือนกันทุกอย่าง คือทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และทำให้เกิดมะเร็งปอด มะเร็งในช่องปาก ซึ่งสรุปว่าทั้ง 2 ชนิดมีโทษและพิษภัยต่อระบบทางเดินหายใจไม่ต่างกัน
6.การสูบบุหรี่ทำให้มีความมั่นใจ สาเหตุที่ทำให้ติดบุหรี่ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดความมั่นใจในตัวเอง ทันที่สูบบุหรี่เข้าไป สารนิโคตินจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดและสมองอย่างรวดเร็ว แทบไม่ถึง 10 นาที จากนั้นสารนิโคตินจะกระตุ้นการหลั่งของสารโดปามีน (Dopamine) จากต่อมไร้ท่อใต้สมองและเพิ่มการหลั่งสารนอร์อีพิเนฟฟริน (Norepinephrine) ซึ่งมีผลทำให้เกิดการตื่นตัวและมีพลังจึงอยากสูบไปเรื่อยๆ และทำให้ติดบุหรี่ในที่สุด
7.การสูบบุหรี่เป็นเรื่องธรรมดาของคนทั่วไป ที่ผ่านมาสังคมยังไม่ตระหนักถึงผลเสียจากการสูบบุหรี่มากนัก จึงทำให้มีผู้สูบให้เห็นทั่วไปจนชินตา หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในปัจจุบันผลการศึกษาออกมายืนยันแล้วว่าการสูบบุหรี่และการสูบยาอื่นๆ เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้สูบที่อยู่ใกล้ชิด ทำให้เกิดโรคและผลกระทบต่างๆ ต่อร่างกาย และนำมาซึ่งการเสียชีวิตทั้งที่สามารถป้องกันได้
8.สูบซิการ์ปลอดภัยกว่าสูบบุหรี่ น้อยคนที่จะรู้ว่าการสูบซิการ์เป็นอันตรายยิ่งกว่าสูบบุหรี่เสียอีก เพราะในซิการ์มาตรฐานหนึ่งออนซ์ให้สารทาร์มากกว่าสูบบุหรี่ 1 มวนถึง 7 เท่า และให้ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์มากกว่า 11 เท่า และสารนิโคตินมากกว่าถึง 4 เท่า
และ 9.การสูบบุหรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล ความเป็นจริงที่ว่าการสูบบุรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เนื่องจากการสูบบุหรี่ก่อให้เกิดโรคมากมายทั้งต่อผู้สูบเองและผู้ใกล้ชิด รวมถึงสาเหตุของการป่วยและเสียชีวิตป้องกันได้ องค์กรอนามัยโลกจึงขอให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้รณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้เรื่องของโทษและพิษภัยบุหรี่ให้มากขึ้นเพื่อทำให้ประชาชนสูบบุหรี่น้อยลง
ความเชื่อที่มโนไปเอง กับความรู้ที่บำรุงสมอง หากลองตรองดูก็จะทราบถึงความสมเหตุสมผลว่าบุหรี่เป็นพิษร้ายหรือไม่กันแน่ หากยังคงความเชื่อแบบเดิมๆ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างที่จะสูบบุหรี่ต่อไป ก็ขอให้เตรียมใจรับกับโรคร้ายต่างๆ ที่จะมาได้เลย
อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะมาย้อนกลับไปถึงการเริ่มต้นการสูบบุหรี่ ว่าเพราะเหตุใดกันแน่คนจึงหันมาเริ่มต้นสูบบุหรี่ เท่าที่พอตีความได้ หลายคนอาจคิดว่าสูบแล้วดูเท่ โก้ แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวสูบบุหรี่ บางคนสูบบุหรี่ เพื่อระบายความเครียดจากปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่คนติดบุหรี่ใช้เป็นข้ออ้าง เพราะไม่อยากเลิกสูบบุหรี่ด้วย
แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่คิดที่เชื่อผิดๆ แบบนั้นกำลังคุกคามและทำลายร่างกายให้เสื่อมโทรมลงไปทุกวัน เราลองมาดูกันว่า 9 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับบุหรี่ที่คนสูบส่วนใหญ่นั้นเขาคิดอย่างไร
1.ก้นกรองบุหรี่ช่วยลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดแท้จริงแล้วก้นบุหรี่ไม่ได้ทำให้ร่างกายปลอดภัยขึ้น เพราะส่วนที่เป็นก้นกรองไม่สามารถสกัดสารนิโคตินหรือสารไฮโดรคาบอน ที่อยู่ในบุหรี่ออกได้ทั้งหมด
2.บุหรี่รสอ่อนมีอันตรายน้อยกว่า บุหรี่ชนิดที่เรียกว่าไลท์และไมด์ โดยระบุว่าเป็นบุหรี่ชนิดรสอ่อนที่มีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่จากผลการวิจัยพบว่าบุหรี่ทั้งสองชนิด ไม่ได้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาแต่อย่างใด เพียงแค่ต่างกันที่รสชาติเท่านั้น บุหรี่รสอ่อนทำให้ผู้สูบติดบุหรี่มากขึ้น เพราะสูบแล้วไม่ระคายคอสามารถสูบได้ลึก และอัดควันอยู่ในปอดได้นานขึ้น ผลก็คือทำให้เกิดมะเร็งตามมา
3.สูบบุหรี่ทำให้หายเครียด แท้จริงความเชื่อดังกล่าวน่าจะมาจากที่ร่างกายต้องการได้รับสารนิโคตินทุกครั้งที่สูบบุหรี่ สารนิโคตินจะเข้าสู้ร่างกายร้อยละ 95 จะจับอยู่ที่ปอดบางส่วนจะถูกดูดซึมเค้ากระแสโลหิต เมื่อใดที่ระดับสารนิโคตินลดลงจากที่เคยมีอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนของบุหรี่ที่ผู้สูบต่อวัน และจะทำให้เกิดอาการขาดสารนิโคตินคือกระวนกระวาย หงุดหงิด ขาดสมาธิ มึนศีรษะ เหม่อลอย บางคนนอนไม่หลับ และบางคนมีอาการปวดท้องคลื่นใส้ อาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ถ้าผู้สูบบุหรี่ไม่มีความตั้งใจแน่วแน่ในการเลิกสูบบุหรี่ก็จะหันไปสูบอีกเพื่อระงับอาการเหล่านี้
4.ถ้าหยุดสูบทันที่จะทำให้ป่วย ผู้ที่หยุดสูบบุหรี่มักจะถูกตรวจพบว่าเป็นโรคต่างๆ มากที่สุดภายในปีแรกที่เลิกสูบบุหรี่ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะความจริงที่ว่าโรคต่างๆ ได้เกิดตั้งแต่ก่อนที่ผู้สูบจะหยุดสูบบุหรี่ได้ และแม้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่ได้ โรคที่เป็นอยู่แล้วมักจะแสดงออกภายหลังจากที่เลิกสูบบุหรี่ จึงทำให้เข้าใจผิดว่าป่วยเพราะการหยุดสูบ และทำให้การเลิกสูบบุหรี่ไม่สำเร็จ
5.ยาเส้นอันตรายน้อยกว่ายาซอง สถานการณ์บริโภคบุหรี่มวนเอง (ยาเส้น) มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อาจเนื่องจากว่ามีราคาถูกกว่าบุหรี่ซองหลายเท่า แต่ผลที่เกิดขึ้นพบว่าอันตรายเหมือนกันทุกอย่าง คือทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และทำให้เกิดมะเร็งปอด มะเร็งในช่องปาก ซึ่งสรุปว่าทั้ง 2 ชนิดมีโทษและพิษภัยต่อระบบทางเดินหายใจไม่ต่างกัน
6.การสูบบุหรี่ทำให้มีความมั่นใจ สาเหตุที่ทำให้ติดบุหรี่ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดความมั่นใจในตัวเอง ทันที่สูบบุหรี่เข้าไป สารนิโคตินจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดและสมองอย่างรวดเร็ว แทบไม่ถึง 10 นาที จากนั้นสารนิโคตินจะกระตุ้นการหลั่งของสารโดปามีน (Dopamine) จากต่อมไร้ท่อใต้สมองและเพิ่มการหลั่งสารนอร์อีพิเนฟฟริน (Norepinephrine) ซึ่งมีผลทำให้เกิดการตื่นตัวและมีพลังจึงอยากสูบไปเรื่อยๆ และทำให้ติดบุหรี่ในที่สุด
7.การสูบบุหรี่เป็นเรื่องธรรมดาของคนทั่วไป ที่ผ่านมาสังคมยังไม่ตระหนักถึงผลเสียจากการสูบบุหรี่มากนัก จึงทำให้มีผู้สูบให้เห็นทั่วไปจนชินตา หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในปัจจุบันผลการศึกษาออกมายืนยันแล้วว่าการสูบบุหรี่และการสูบยาอื่นๆ เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้สูบที่อยู่ใกล้ชิด ทำให้เกิดโรคและผลกระทบต่างๆ ต่อร่างกาย และนำมาซึ่งการเสียชีวิตทั้งที่สามารถป้องกันได้
8.สูบซิการ์ปลอดภัยกว่าสูบบุหรี่ น้อยคนที่จะรู้ว่าการสูบซิการ์เป็นอันตรายยิ่งกว่าสูบบุหรี่เสียอีก เพราะในซิการ์มาตรฐานหนึ่งออนซ์ให้สารทาร์มากกว่าสูบบุหรี่ 1 มวนถึง 7 เท่า และให้ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์มากกว่า 11 เท่า และสารนิโคตินมากกว่าถึง 4 เท่า
และ 9.การสูบบุหรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล ความเป็นจริงที่ว่าการสูบบุรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เนื่องจากการสูบบุหรี่ก่อให้เกิดโรคมากมายทั้งต่อผู้สูบเองและผู้ใกล้ชิด รวมถึงสาเหตุของการป่วยและเสียชีวิตป้องกันได้ องค์กรอนามัยโลกจึงขอให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้รณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้เรื่องของโทษและพิษภัยบุหรี่ให้มากขึ้นเพื่อทำให้ประชาชนสูบบุหรี่น้อยลง
ความเชื่อที่มโนไปเอง กับความรู้ที่บำรุงสมอง หากลองตรองดูก็จะทราบถึงความสมเหตุสมผลว่าบุหรี่เป็นพิษร้ายหรือไม่กันแน่ หากยังคงความเชื่อแบบเดิมๆ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างที่จะสูบบุหรี่ต่อไป ก็ขอให้เตรียมใจรับกับโรคร้ายต่างๆ ที่จะมาได้เลย