xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เตรียม รพ.ในสังกัดกว่า 800 แห่ง รับมือเหตุช่วงปีใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สาธารณสุข เตรียมพร้อมโรงพยาบาลในสังกัดกว่า 800 แห่ง รับมืออุบัติเหตุช่วงปีใหม่ เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล 2 เท่าตัว สำรองยา เวชภัณฑ์ ห้องผ่าตัด คลังเลือด ห้องฉุกเฉิน จัดแพทย์เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุ อยู่เวรตลอด 24 ชั่วโมง จัดทีมแพทย์กู้ชีพ 11,138 ทีมประจำการ พร้อมรถพยาบาล เรือ ออกช่วยเหลือถึงจุดเกิดเหตุและนำส่งโรงพยาบาลภายใน 10 นาที

วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นายแพทย์ ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว “การเตรียมความพร้อมรับอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555” ในช่วงรณรงค์ “7 วันอันตราย” ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2554 - 4 มกราคม 2555
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
นายวิทยา กล่าวว่า ในเทศกาลปีใหม่ 2555 นี้ กระทรวงได้เตรียมการความพร้อมทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2554 ใน 3 มาตรการหลัก ประการแรก ได้แก่ การรณรงค์เสริมความปลอดภัยการเดินทาง โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.ร่วมรณรงค์ใส่หมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย ดื่มไม่ขับ และร่วมตั้งจุดตรวจ จุดบริการในพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัด ทั้งในชุมชน บนถนนสายหลักและสายรอง ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เส้นทางถนนสายหลักที่มีจุดตรวจ จุดบริการ อยู่ห่างกันมาก จะให้โรงพยาบาล (รพ.) ที่อยู่บนเส้นทางหลวง จัดหน่วยบริการกู้ชีพฉุกเฉินอยู่ประจำบริเวณเส้นทางหลวงตามความเหมาะสม เพื่อให้การดูแลรักษาพยาบาล ในกรณีเจ็บป่วย เนื่องจากสถิติผู้บาดเจ็บที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลในปี 2554 พบว่า 2 ใน 3 เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล จึงควรเน้นการป้องกันอย่างจริงจัง เข้มงวดใช้มาตรการทางกฎหมายหรือมาตรการทางสังคมอย่างเคร่งครัดควรทุ่มทรัพยากรลงไปในช่วงวันที่ 31 ธันวาคม ถึง 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่มียอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด

มาตรการที่ 2 คือ การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร ซึ่งมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือระบบการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) ช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บให้ปลอดภัยที่สุด เน้นนโยบาย 3 เร็ว คือ แจ้งเหตุเร็ว รับผู้ป่วยเร็ว ส่งรักษาเร็ว และฟรีทั่วไทย โดยเตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉินทั้งภาครัฐ เอกชน และมูลนิธิอาสาสมัครทั่วประเทศทั้งหมด 11,138 ทีม บุคลากรมืออาชีพทุกระดับรวม 122,945 คน รถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต 14,189 คัน เรือ 1,128 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 100 ลำ โดยมีศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัด 78 ศูนย์ ประชาชนที่ประสบเหตุทั่วประเทศ สามารถโทรขอความช่วยเหลือฟรี ทางหมายเลข 1669 ซึ่งมี 300 คู่สายตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งเป้าหมายนำผู้บาดเจ็บส่งรักษาโรงพยาบาลภายใน 10 นาทีหลังรับแจ้งให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 75 ของเหตุทั้งหมด

ส่วนที่ 2 คือ ระบบการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ ได้ให้โรงพยาบาล 875 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มกำลังแพทย์พยาบาล 2 เท่าตัว จัดความพร้อมห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ไอซียู และหอผู้ป่วย สำรองคลังเลือดให้ครบทุกหมู่ และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น โดยเฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ให้จัดแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านอุบัติเหตุ ประจำการที่ห้องฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งการรับ-ส่งผู้ป่วยรักษาต่อให้คล่องตัว

มาตรการที่ 3 คือ การควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 เพื่อลดเหตุจากเมาแล้วขับอย่างเข้มข้น และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งก่อนวันที่ 29 ธันวาคม 2554 ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประชาสัมพันธ์พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎมาย 2 ฉบับ และตรวจเตือนการกระทำผิด อาทิ การขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานห้ามดื่ม ห้ามขาย อาทิ สวนสาธารณะ อุทยาน ปั๊มน้ำมัน ขายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี การเร่ขาย ขายโดยไม่มีใบอนุญาตขายสุรา ขายในเวลาที่ต้องห้าม การโฆษณาส่งเสริมการขายในลักษณะ ลดแลกแจกแถม เป็นต้น โดยในช่วงเทศกาลวันที่ 29 ธันวาคม 2554 - 4 มกราคม 2555 จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจทุกจังหวัดทุกพื้นที่ และดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น ไม่มีการอ้างว่าไม่รู้กฎหมายอีกต่อไป เช่น หากขายสุราในสถานที่ห้ามขาย มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายสุราในเวลาห้ามขาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเปิดสายด่วนรับแจ้งผู้กระทำผิด ตลอด 24 ชั่วโมงทางหมายเลข 1422 และ 0-2590-3342

จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่ 2554 สะสม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2554 มีผู้เสียชีวิต 358 ราย บาดเจ็บทั้งหมด 25,224 ราย ในจำนวนนี้ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 3,750 ราย สาเหตุอับดับหนึ่งร้อยละ 41 มาจากเมาสุรา ในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่บาดเจ็บเป็นเด็กและเยาวชนอายุ 15-19 ปี และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการขับขี่สูงถึงร้อยละ 84 ผู้ที่เสียชีวิตร้อยละ 54 เกิดบนถนนเส้นทางหลัก ส่วนการบาดเจ็บจะเกิดบนถนนชนบทและถนนในเมืองร้อยละ 72 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดพบได้ประมาณ 1 ใน 3 คือช่วงเย็นและกลางคืนเวลา16.00-20.00 น.วันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือวันที่ 1 มกราคม รองลงมาวันที่ 31 ธันวาคม ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกต ว่า การบาดเจ็บและเสียชีวิตของเยาวชน จะสัมพันธ์กับการขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับเร็ว เมาแล้วขับ และไม่มีใบอนุญาตขับขี่

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ขอฝากข้อแนะนำประชาชนที่จะมีการเดินทาง ใช้รถใช้ถนน ควรศึกษาเส้นทางและวางแผนการเดินทางในเส้นทางที่ปลอดภัย ควรเผื่อเวลาให้เพียงพอ ไม่เร่งรีบเกินไป และเดินทางช่วงกลางวัน ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถ ต้องพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง ไม่ดื่มสุราทั้งก่อนและระหว่างเดินทาง ผู้ใช้รถยนต์ควรคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง รถที่ใช้ต้องได้รับการตรวจสอบสภาพเป็นอย่างดีก่อนเดินทางโดยเฉพาะระบบเบรก ยาง และระบบบังคับเลี้ยว เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้ง ต้องไม่ขับเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด และ แซงรถอื่นอย่างผิดกฎหมาย หากพบผู้ขับขี่ เหยียบเบรกบ่อยๆ นั่งนิ่งนานๆ หรือหาวบ่อยๆ ควรให้พักรถหรือเปลี่ยนผู้ขับรถ ถ้าง่วงต้องหยุดพัก ควรหยุดพัก 15 นาที หรือทุก 2 ชั่วโมงหรือทุกระยะทาง 150 กิโลเมตร หากรู้สึกอ่อนล้าควรงีบหลับก่อนขับต่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น