ภาคประชาชนเรียกร้อง “ยิ่งลักษณ์” ให้ความสำคัญกับนโยบายหลักประกันสุขภาพ หลัง สปส.ปรับวิธีการจ่ายโรคค่าใช้จ่ายสูง 1.5 หมื่นบาท สูงกว่าข้าราชการและบัตรทอง ชี้ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพมีหลายมาตรฐาน
น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวว่า การที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประกาศปรับวิธีการจ่ายเงินการรักษากลุ่มโรคร้ายแรงในอัตรา RW ละ 15,000 บาท มากกว่าข้าราชการและบัตรทองนั้น นับว่าเป็นเรื่องแปลกและผิดปกติที่รัฐบาลปล่อยให้เกิดปรากฎการณ์ระบบสุขภาพหลายมาตรฐานเช่นนี้ขึ้นมา สิ่งที่ สปส.กำลังทำอยู่เหมือนใช้เงินมาล่อตาล่อใจ เพียงเพื่อให้เห็นว่าประกันสังคมดีกว่าสิทธิอื่น แต่ความเป็นจริงคือการรักษามีมาตรฐานเดียว การที่บอกว่ามากกว่าอัตราของข้าราชการเพราะไม่รวมค่าห้องและค่าอาหารนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะค่าห้องกับค่าอาหารย่อมไม่สูงถึง 3,000 บาทแน่ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงทำให้คิดไปได้ว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้ รพ.คู่สัญญาหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากสัดส่วนของคณะกรรมการแพทย์ที่ส่วนใหญ่มาจากภาคเอกชน อยากให้ สปส.ทบทวนอัตรานี้ โดยเฉพาะนี่เป็นเงินสมทบของผู้ประกันตน ต้องทำอย่างรอบคอบระมัดระวัง ขณะที่บัตรทองและข้าราชการมาจากงบประมาณรัฐ
“เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาดูแลเรื่องนโยบายหลักประกันสุขภาพอย่างจริง รัฐมนตรีแรงงานและสาธารณสุขต่างเป็นคนของพรรคเพื่อไทย แต่การทำงานไม่เคยประสานงานกัน ทำระบบสุขภาพไปคนละทิศคนละทาง และย้อนกลับมาทำลายระบบหลักประกันสุขภาพในภาพรวมที่สุด สิ่งที่ สปส.ทำอย่าเรื่อง RW ละ 1.5 หมื่นบาท จะกลับมากดดันให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบให้บัตรทองและข้าราชการในที่สุด เพราะรพ.จะไม่ยอมรักษาผู้ป่วยบัตรทองและข้าราชการ เพราะได้เงินน้อยกว่าประกันสังคม ขอเรียกร้องให้นายกฯยิ่งลักษณ์ให้ความสนใจเรื่องนี้จริงจังและควบคุมการ จัดการ ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพมีมาตรฐานเดียวกัน มีระบบราคากลาง แต่สิ่งที่ตอนนี้คือ ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยกำลังมีหลายระดับ และหลายมาตรฐาน รัฐบาลเพื่อไทยกำลังทำให้บัตรทองที่ตัวเองสร้างมากลายเป็นผู้ป่วยอนาถาในที่สุด” น.ส.สุรีรัตน์กล่าว