ศธ.เปิดตัวโครงการแจกแท็บเล็ต 5 ร.ร.นำร่องสังกัด สพฐ.“วรวัจน์” มอบ มศว ศึกษาผลกระทบการใช้แท็บเล็ต หวังใช้งานวิจัยคลายความข้องใจของสังคม ด้าน “ชินภัทร” เผย ไม่ได้ใช้เงินจัดซื้อ แต่ได้ บ.เลอโนโว บริจาคแท็บเล็ต 600 เครื่อง เพื่อใช้ในการเรียนระดับ ป.1 และ ป.4 โดยจะนำร่องตั้งแต่ ต.ค.54-ก.ย.55
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในพิธีเปิดโครงการนำร่องการประยุกต์และบูรณาการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต เพื่อการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษา ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ระยะที่ 1 ว่า ที่ผ่านมา ได้รับการสะท้อนแนวคิดมามากกว่า เด็กชั้นประถมศึกษา (ป.) ปีที่ 1 อาจจะยังขาดความพร้อมในการใช้แท็บเล็ต และมองว่า เด็กจะนำไปใช้เล่นเกม อีกทั้งจะทำให้เสียสายตาด้วย ดังนั้น จึงได้มอบให้ มศว ทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าว เพื่อตอบคำถามเหล่านี้กับสังคม ซึ่งขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเพิ่มขีดความสามารถให้แก่เด็กไทย เพราะเชื่อว่าเด็กไทยมีความสามารถไม่น้อยกว่าชาติใด เพียงแต่ขาดโอกาส และการพัฒนาที่เหมาะสม
“เท่าที่ดูในหลายๆ ประเทศ พบว่า เด็ก ป.1 ใช้แท็บเล็ตอย่างมีประสิทธิภาพ แต่คนที่มีอายุมากขึ้นต่างหากที่มีประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีด้อยลง และนอกจากในเรื่องของเทคโนโลยีแล้วทักษะทางด้านภาษาก็จะมีการพัฒนาควบคู่กันไปด้วย ส่วนเรื่องหลักสูตรที่จะบรรจุในแท็บเล็ตนั้น เป็นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนา โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จทันในปีการศึกษา 2555” นายวรวัจน์ กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นจากนักเรียนโรงเรียนดัง เช่น เตรียมอุดมศึกษา ที่พบว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแจกแท็บเล็ตให้แก่เด็กชั้น ป.1 ร้อยละ 94 นั้น ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการดำเนินการ คงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าอะไรเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ส่วนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างแท็บเล็ตนั้น ยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการใด เพราะการดำเนินการยังอีกไกล
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า โครงการนี้จะทดลองนำร่องตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2554 ถึงเดือน ก.ย.2555 จำนวน 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) โรงเรียนราชวินิต กทม.โรงเรียนอนุบาลลำปาง จ.ลำปาง โรงเรียนสนามบิน จ.ขอนแก่น โรงเรียนอนุบาลพังงา จ.พังงา โดยทดลองกับนักเรียนชั้น ป.1 และ ป.4 ชั้นเรียนละ 1 ห้อง ห้องละประมาณ 40-50 คน อย่างไรก็ตาม การจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียนนำร่องครั้งนี้ ไม่ได้ใช้งบประมาณ แต่ใช้วิธีการขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ซึ่งมีหลายบริษัทแจ้งความจำนงสนับสนุนจำนวนมาก แต่เนื่องจากการศึกษาครั้งนี้ต้องการได้เครื่องที่มีคุณลักษณะเดียวกันทั้งหมด จึงได้พิจารณาคัดเลือกให้บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 600 เครื่อง เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการต่อไป
ขณะที่ ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดี มศว กล่าวว่า มศว ยินดี และมีความพร้อมที่จะศึกษาผลกระทบการใช้แท็บเล็ตในเด็กนักเรียน โดยจะสรุปผลจากโรงเรียนนำร่องทั้งหมดว่าใช้แท็บเล็ตแล้วเป็นอย่างไร และรวบรวมเป็นแนวทางจัดหลักสูตรฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้องว่าจะใช้อย่างไร รวมถึงจัดทำต้นแบบการบูรณาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและแนวทางการบริหารจัดการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ทั้งนี้ ยืนยันว่าหลักสำคัญการใช้แท็บเล็ตเพื่อการเรียนรู้จะต้องควบคู่กับการพัฒนาเนื้อหาที่เหมาะสม เนื่องจากแท็บเล็ตเป็นเพียงตัวช่วยในการเรียนรู้ ไม่มีเจตนาใช้แทนครู เพราะแทนกันไม่ได้ซึ่งครูยังมีส่วนสำคัญในการถ่ายทอดจินตนาการความรู้ คุณธรรม และความดีให้กับเด็ก
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในพิธีเปิดโครงการนำร่องการประยุกต์และบูรณาการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต เพื่อการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษา ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ระยะที่ 1 ว่า ที่ผ่านมา ได้รับการสะท้อนแนวคิดมามากกว่า เด็กชั้นประถมศึกษา (ป.) ปีที่ 1 อาจจะยังขาดความพร้อมในการใช้แท็บเล็ต และมองว่า เด็กจะนำไปใช้เล่นเกม อีกทั้งจะทำให้เสียสายตาด้วย ดังนั้น จึงได้มอบให้ มศว ทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าว เพื่อตอบคำถามเหล่านี้กับสังคม ซึ่งขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเพิ่มขีดความสามารถให้แก่เด็กไทย เพราะเชื่อว่าเด็กไทยมีความสามารถไม่น้อยกว่าชาติใด เพียงแต่ขาดโอกาส และการพัฒนาที่เหมาะสม
“เท่าที่ดูในหลายๆ ประเทศ พบว่า เด็ก ป.1 ใช้แท็บเล็ตอย่างมีประสิทธิภาพ แต่คนที่มีอายุมากขึ้นต่างหากที่มีประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีด้อยลง และนอกจากในเรื่องของเทคโนโลยีแล้วทักษะทางด้านภาษาก็จะมีการพัฒนาควบคู่กันไปด้วย ส่วนเรื่องหลักสูตรที่จะบรรจุในแท็บเล็ตนั้น เป็นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนา โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จทันในปีการศึกษา 2555” นายวรวัจน์ กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นจากนักเรียนโรงเรียนดัง เช่น เตรียมอุดมศึกษา ที่พบว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแจกแท็บเล็ตให้แก่เด็กชั้น ป.1 ร้อยละ 94 นั้น ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการดำเนินการ คงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าอะไรเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ส่วนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างแท็บเล็ตนั้น ยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการใด เพราะการดำเนินการยังอีกไกล
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า โครงการนี้จะทดลองนำร่องตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2554 ถึงเดือน ก.ย.2555 จำนวน 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) โรงเรียนราชวินิต กทม.โรงเรียนอนุบาลลำปาง จ.ลำปาง โรงเรียนสนามบิน จ.ขอนแก่น โรงเรียนอนุบาลพังงา จ.พังงา โดยทดลองกับนักเรียนชั้น ป.1 และ ป.4 ชั้นเรียนละ 1 ห้อง ห้องละประมาณ 40-50 คน อย่างไรก็ตาม การจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียนนำร่องครั้งนี้ ไม่ได้ใช้งบประมาณ แต่ใช้วิธีการขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ซึ่งมีหลายบริษัทแจ้งความจำนงสนับสนุนจำนวนมาก แต่เนื่องจากการศึกษาครั้งนี้ต้องการได้เครื่องที่มีคุณลักษณะเดียวกันทั้งหมด จึงได้พิจารณาคัดเลือกให้บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 600 เครื่อง เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการต่อไป
ขณะที่ ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดี มศว กล่าวว่า มศว ยินดี และมีความพร้อมที่จะศึกษาผลกระทบการใช้แท็บเล็ตในเด็กนักเรียน โดยจะสรุปผลจากโรงเรียนนำร่องทั้งหมดว่าใช้แท็บเล็ตแล้วเป็นอย่างไร และรวบรวมเป็นแนวทางจัดหลักสูตรฝึกอบรมผู้เกี่ยวข้องว่าจะใช้อย่างไร รวมถึงจัดทำต้นแบบการบูรณาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและแนวทางการบริหารจัดการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ทั้งนี้ ยืนยันว่าหลักสำคัญการใช้แท็บเล็ตเพื่อการเรียนรู้จะต้องควบคู่กับการพัฒนาเนื้อหาที่เหมาะสม เนื่องจากแท็บเล็ตเป็นเพียงตัวช่วยในการเรียนรู้ ไม่มีเจตนาใช้แทนครู เพราะแทนกันไม่ได้ซึ่งครูยังมีส่วนสำคัญในการถ่ายทอดจินตนาการความรู้ คุณธรรม และความดีให้กับเด็ก
