อย.ร่วมมือตำรวจ บก.ปคบ. บุกจับผู้ลักลอบขายยาและฉีดสารคอลลาเจนเสริมความงาม ในคอนโดย่านจตุจักร พบบริการฉีดสารคอลลาเจน ผิดกฎหมาย
นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และพ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รองผู้บังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (รองผบก.ปคบ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคว่ามีผู้แอบอ้างเป็นหมอเรียกตัวเองว่า หมอภร โดยโฆษณาทางแผ่นปลิวและเว็บไซต์ ว่า เปิดรับบริการเสริมความงามนอกสถานที่ เช่น บริการเสริมจมูก เสริมคาง ฉีดผิวขาวด้วยกลูตาไธโอน เป็นต้น ซึ่งได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้ติดต่อ โดยมีผู้เคยใช้บริการแจ้งร้องเรียนมายัง อย.สงสัยว่า เป็นหมอจริงหรือไม่ เพราะสถานที่ให้บริการไม่ใช่คลินิก ดังนั้น อย.จึงโทรศัพท์ไปยังหมายเลขดังกล่าวเพื่อขอซื้อบริการฉีดใบหน้าเพื่อเสริมแก้ม และมีการนัดหมายฉีดที่คอนโดย่านจตุจักร ซึ่งในวันที่ 14 ธันวาคม 2554 อย.ได้ประสานกับตำรวจ ปคบ.เข้าตรวจสอบจับกุม ผลการตรวจ ปรากฏพบ มีผู้ที่อ้างเป็นหมอมาทำการฉีดคอลลาเจน ชื่อ นางภรภัทร โชติวัชรบุญ และ นายวีรชาติ เพิ่มไพศาลสกุล จากนั้นจึงขยายผลไปตรวจห้องพักของผู้กระทำผิดรายนี้ ณ วังหินเพลส พบของกลางผิดกฎหมาย ได้แก่ พบ ยาที่ไม่มีทะเบียนตำรับยาสำหรับใช้ในการฉีดรักษาหลายรายการ ได้แก่ ยาฉีดที่ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นสารคอลลาเจน, นอกจากนี้ยังตรวจพบมีการจัดยาชุดจำหน่ายให้กับผู้มารับการฉีด ซึ่งประกอบด้วย ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด และยาลดอาการอักเสบ รวมมูลค่าของกลางที่ผิดกฎหมายที่ยึดได้กว่า 200,000 บาท โดยแจ้งข้อหาหลายคดี ได้แก่ 1.จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท 2.จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.โฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท 4.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 5.ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.พงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย.ได้ออกข่าวเตือนหญิงสาวหลายครั้ง ให้ระวังอันตรายจากการฉีดสารคอลลาเจน หรือสารกลูตาไธโอน เนื่องจากเป็นการนำสารดังกล่าวมาใช้อย่าง ไม่เหมาะสม เป็นสารที่ยังไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยเพื่อใช้สำหรับฉีด ซึ่งป็นการลักลอบนำเข้ามาใช้ รวมทั้งกรณีการนำสารกลูตาไธโอนมาใช้เป็นยาฉีดทำให้ผิวขาว ถือเป็นการนำมาใช้ในทางที่ผิด เพราะสารกลูตาไธโอนไม่ได้มีข้อบ่งชี้ในการช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ ประโยชน์ที่อาจนำมาใช้ในทางการแพทย์ตามที่ระบุในเอกสารวิชาการ คือ การรักษาพิษจากยาพาราเซตามอล โดยใช้เบื้องต้นสำหรับรักษาโรคมะเร็งบางชนิด
“ขณะนี้ อย.ไม่ได้มีการรับขึ้นทะเบียนตำรับยาที่ใช้สารนี้แต่อย่างใด นอกจากนี้ อาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย โดยทำให้ผิวหนังแดง ความดันโลหิตต่ำ หอบหืดเฉียบพลัน อาจเกิด anaphylactic reaction ซึ่งเป็นอาการแพ้ที่รุนแรง ทำให้ตัวบวม หลอดลมตีบ หายใจติดขัด หากรักษาไม่ทัน อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ จึงขอเตือนว่าอย่าหลงเชื่อคำกล่าวอ้างง่ายๆ” นพ.พงษ์พันธ์ กล่าว
