กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โรคลดลงจากปีที่ผ่านมา ส่วนโรคที่พบกับน้ำท่วมมากที่สุด คือ โรคท้องร่วง พบมากที่ศูนย์พักพิง และโรคฉี่หนู แม้จะมียารักษา แต่คนยังขาดความตระหนัก ยันกำหนดมาตรการเข้ม สามารถป้องกันโรคที่มากับน้ำได้
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคในภาวะน้ำท่วม ว่า ในช่วงเฝ้าระวังยังไม่มีการระบาดของโรคใดที่มีผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งต่างกับปีที่ผ่านมา เชื่อว่า สามารถป้องกันได้ โดยโรคติดต่อ เช่น โรคตาแดงลดลงจากปีที่ผ่านมา ถ้าพบก็พบบ้างประปราย เนื่องจากทางกรมมีการให้ความรู้ เรื่องนี้ไปแล้ว ส่วนโรคเกี่ยวกับท้องร่วงส่วนใหญ่จะพบในศูนย์พักพิง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากอาหารบูด โรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่พบเป็นกลุ่มก้อน แต่ลดจำนวนผู้ป่วยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“อีกโรคคือ โรคฉี่หนู ต้องยอมรับว่าเมื่อมีภาวะน้ำท่วมทำให้เกิดโรคนี้ไปโดยปริยาย โดยเมื่อเดือน ก.ย.พบผู้เสียชีวิต 4 ราย ต.ค.6 ราย โรคนี้เป็นโรคที่มียาปฏิชีวนะ ที่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ผู้ที่เสียชีวิตเกิดจากไม่ได้ตระหนักถึงอาการของโรคทำให้มาสถานบริการล่าช้า จึงทำให้เสียชีวิต การรักษาแต่เนิ่นๆ ทำได้โดยการสังเกตอาการตนเอง แล้วไปพบแพทย์จะดีที่สุด” รองอธิบดี คร.กล่าวและว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตในช่วงน้ำท่วม คือ จมน้ำกับถูกไฟฟ้าช็อต ส่วนใหญ่จะพบว่าเกิดในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ส่วนการเสียชีวิตจากการจมน้ำจะเกิดในต่างจังหวัด
รองอธิบดี คร.กล่าวต่อว่า เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ขณะนี้น้ำในบางพื้นที่เริ่มลดระดับลง ประชาชนจึงเข้าไปทำความสะอาดบ้าน โดยไม่ได้ระวังเรื่องของไฟฟ้า ทำให้เกิดไฟช็อต ทางกรมจึงประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรื่องการแจ้งเตือนประชาชนเรื่องไฟฟ้าอย่างเข้มข้น พร้อมสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจเรื่องอันตรายของไฟฟ้า เพื่อลดการเสียชีวิตของประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่า ในกรณีที่ประชาชนกลับเข้าไปทำความสะอาดบ้าน ให้ระวังเชื้อราที่เกิดขึ้นตามผนังบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยง และควรให้ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วยเข้าไปทำความสะอาด โดยใช้หน้ากากอนามัย 1-2 ชั้น ส่วนการทำความสะอาดกำจัดเชื้อราแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชู หรือว่าผงซักฟอก และน้ำยาทำความสะอาด เนื่องจากปลอดภัยทั้งกับผู้ทำความสะอาด และแหล่งน้ำสาธารณะด้วย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคในภาวะน้ำท่วม ว่า ในช่วงเฝ้าระวังยังไม่มีการระบาดของโรคใดที่มีผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งต่างกับปีที่ผ่านมา เชื่อว่า สามารถป้องกันได้ โดยโรคติดต่อ เช่น โรคตาแดงลดลงจากปีที่ผ่านมา ถ้าพบก็พบบ้างประปราย เนื่องจากทางกรมมีการให้ความรู้ เรื่องนี้ไปแล้ว ส่วนโรคเกี่ยวกับท้องร่วงส่วนใหญ่จะพบในศูนย์พักพิง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากอาหารบูด โรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่พบเป็นกลุ่มก้อน แต่ลดจำนวนผู้ป่วยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“อีกโรคคือ โรคฉี่หนู ต้องยอมรับว่าเมื่อมีภาวะน้ำท่วมทำให้เกิดโรคนี้ไปโดยปริยาย โดยเมื่อเดือน ก.ย.พบผู้เสียชีวิต 4 ราย ต.ค.6 ราย โรคนี้เป็นโรคที่มียาปฏิชีวนะ ที่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ผู้ที่เสียชีวิตเกิดจากไม่ได้ตระหนักถึงอาการของโรคทำให้มาสถานบริการล่าช้า จึงทำให้เสียชีวิต การรักษาแต่เนิ่นๆ ทำได้โดยการสังเกตอาการตนเอง แล้วไปพบแพทย์จะดีที่สุด” รองอธิบดี คร.กล่าวและว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตในช่วงน้ำท่วม คือ จมน้ำกับถูกไฟฟ้าช็อต ส่วนใหญ่จะพบว่าเกิดในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ส่วนการเสียชีวิตจากการจมน้ำจะเกิดในต่างจังหวัด
รองอธิบดี คร.กล่าวต่อว่า เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ขณะนี้น้ำในบางพื้นที่เริ่มลดระดับลง ประชาชนจึงเข้าไปทำความสะอาดบ้าน โดยไม่ได้ระวังเรื่องของไฟฟ้า ทำให้เกิดไฟช็อต ทางกรมจึงประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรื่องการแจ้งเตือนประชาชนเรื่องไฟฟ้าอย่างเข้มข้น พร้อมสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจเรื่องอันตรายของไฟฟ้า เพื่อลดการเสียชีวิตของประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่า ในกรณีที่ประชาชนกลับเข้าไปทำความสะอาดบ้าน ให้ระวังเชื้อราที่เกิดขึ้นตามผนังบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยง และควรให้ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วยเข้าไปทำความสะอาด โดยใช้หน้ากากอนามัย 1-2 ชั้น ส่วนการทำความสะอาดกำจัดเชื้อราแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชู หรือว่าผงซักฟอก และน้ำยาทำความสะอาด เนื่องจากปลอดภัยทั้งกับผู้ทำความสะอาด และแหล่งน้ำสาธารณะด้วย
