สวธ.เผย “ยูเนสโก” ประกาศปี 56 เป็นทศวรรษแห่งการส่งเสริมความเข้าใจ พร้อมแนะดูแลพื้นที่ประวัติศาสตร์เมืองให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เล็งขึ้นบัญชีมรดกทางวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้ 76 รายการ
นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนเข้าร่วมการประชุมสมัยสามัญของยูเนสโก ครั้งที่ 36 ด้านวัฒนธรรม ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้ 1.ที่ประชุมให้การรับรองรายงานพร้อมข้อแนะนำเกี่ยวกับการจัดให้มีมาตรฐานในการดูแลพื้นที่ทางประวัติศาสตร์เมืองให้มีกลไกการพัฒนาอย่างผสมกลมกลืน ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและทางกายภาพ กับการพัฒนาที่คำนึงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการสร้างสรรค์เพื่อให้ประเทศสมาชิกและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้นำข้อแนะนำนี้ไปปรับใช้ให้เหมาะสมในประเทศของตน รวมถึงประเทศไทยด้วย ได้แก่ การสำรวจและกำหนดจุดทรัพยากรทางธรรมชาติ ทางวัฒนธรรม และทรัพยากรบุคคล การวางแผนถ่ายทอดค่านิยมในเรื่องการปกป้องคุ้มครองให้แก่คนรุ่นใหม่ การประเมินความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบจากความกดดันทางเศรษฐกิจสังคม และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ในการวางแผนโครงการพัฒนาต่างๆ ต้องคำนึงถึงคุณค่าของมรดกทางประวัติศาสตร์ และสถานะความเสี่ยงด้วย รวมทั้งการจัดลำดับความสำคัญในการอนุรักษ์กับการพัฒนา และสร้างการมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและเอกชน
2.รับรองการประกาศให้ทุกประเทศสมาชิก ประกาศให้ ปี ค.ศ. 2013-2022 หรือ พ.ศ. 2556-2565 เป็นทศวรรษแห่งการส่งเสริมความเข้าใจและการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ภาษา ศาสนาและเพศ
3. รับทราบรายงานเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในช่วงปี 2008-2010 ซึ่งปรากฏว่ามีการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้สองครั้ง ครั้งที่ 3 ที่ประเทศที่ตุรกี และครั้งที่ 4 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีประเทศที่ให้สัตยาบันปฏิญญาสากลว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แล้วจำนวน 154 ประเทศ มีการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ประเทศสมาชิกเสนอจำนวน 76 รายการ บัญชีมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญหาย จำนวน 12 รายการ และขึ้นทะเบียนตัวอย่างที่ดีในการดำเนินงานปกป้องคุ้มครอง จำนวน 3 ตัวอย่าง โดยใช้เงินจากกองทุนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ทั้งสิ้น 477,712.61 เหรียญสหรัฐ
“ขณะนี้ไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันปฏิญญาสากลว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จึงต้องผลักดันเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อคุ้มครองและปกป้องมรดกของชาติไทย และไม่เสียประโยชน์ให้แก่ชาติอื่นๆ ก่อนหน้านี้เคยขับเคลื่อนบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการแต่อย่างใด” นางปริศนากล่าวทิ้งท้าย
