“สมพงษ์” ติง “วรวัจน์” ทุ่มงบเดินหน้าแท็บเล็ตในสถานการณ์นี้ไม่เหมาะสม ควรนำงบไปจัดการปัญหาเฉพาะหน้าทั้งซื้อตำราเรียน อุปกรณ์ทดแทนที่เสียหายจากน้ำท่วม แนะหากจะนำร่องการใช้และทำวิจัยควรทำจริงจังและเน้นเรื่องประโยชน์ของการใช้ ด้วย
ตามที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ยืนยันเดินหน้าโครงการ One Tablet PC Per Child หรือ โครงการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้กับนักเรียน ตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะทดลองนำร่องในโรงเรียน 4 แห่งใน 4 ภูมิภาคที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คัดเลือกไว้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 ก่อนและจะมอบให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เพี่อทำการวิจัยหาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ตามที่ที่หลายฝ่ายมีข้อห่วงใยว่าอาจจะทำให้เด็กสายตาเสีย สูญเสียประสาทสัมผัสนั้น
ล่าสุด วันนี้ (10 พ.ย.) รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมประเทศในหลายพื้นที่ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้นั้น ตนเห็นว่าหากรัฐบาลไม่ควรจะนำงบประมาณจำนวนมหาศาลไปลงทุนทำในสิ่งที่ยังไม่ ถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนและยังสามารถเลื่อนออกไปได้ ที่สำคัญใน ขณะนี้คือควรจะต้องนำงบประมาณไปใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดซื้อหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน ที่เสียหายไปจากเหตุการณ์น้ำท่วม อย่างไรก็ตาม หากแม้ว่ารัฐบาลยังยืนยันเดินหน้าโครงการแจกแท็ปเล็ตต่อไปจริงนั้น ก็ขอให้ใช้ช่วงเวลานี้ทดลองนำร่องระบบ และวิจัยอย่างจริง อย่าเพียงแค่วิจัยเพื่อศึกษาว่าการใช้แท็บเล็ตกระทบต่อสายตา หรือระบบสัมผัสของนักเรียนเพียงอย่างเดียว เพราะถึงอย่างไรผลกระทบเรื่องเหล่านี้ย่อมมีแน่นอน แต่การวิจัยจะต้องสะท้อนข้อมูลที่ยืนยันได้ว่าแท็ปเล็ตนั้นมีประโยชน์อย่าง ไร เปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนได้กว้างขึ้นขนาดไหน และควรมีวิธีการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้แท็บเล็ต ที่สำคัญจะต้องอบรมครูผู้สอนให้มีความรู้และมีวิธีการรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย
“ต้องบอกว่า ขณะนี้เรื่องแท็บเล็ตคงไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน แต่สถานการณ์นี้ควรจะนำงบไปใช้ในเรื่องที่จำเป็นมากกว่า และผมไม่เห็นด้วยกับนายวรวัจน์จะใช้แท็บเล็ตแทนหนังสือเรียนเท่านั้น หากจะใช้ให้เกิดประโยช์สูงสุดเพราะแท็บเล็ตราคาแพงกว่าหนังสือเรียน ดังนั้นหากเราจะต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อโครงการนี้ก็ควรใช้ให้เกิด ประโยชน์สูงสุด และต้องทำให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาทางเทคโนโลยีในอนาคต” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว