เตือน 13 เขตริมเจ้าพระยาได้รับผลกระทบน้ำทะเลหนุนและเจ้าพระยาสูงปลายเดือนนี้ เกินคันกั้นน้ำ กทม.กว่า 10 ซม. พร้อมขอความร่วมมือประชาชนดูแล ซ่อมบำรุง เสริมความแข็งแรงรั้วที่ทรุดโทรม รวมถึงจุดรั่วซึมและการไหลย้อนของน้ำท่อ กำชับเขตบางรักดูแลสถานทูตฝรั่งเศส โปรตุเกส ขณะที่พรุ่งนี้ กทม.นัดหารือหอการค้า สมาคมธุรกิจ โรงแรม ชี้แจงสถานการณ์ และแนวทางป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจและภาคเอกชนให้ปลอดจากอุทกภัย
วันนี้ (26 ต.ค.) ที่ศาลาว่าการ กทม. เวลา 10.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากขณะนี้ปรากฏว่าน้ำเหนือได้ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วและมีปริมาณจำนวนมาก ประกอบกับน้ำทะเลหนุนในระดับที่มากกว่าปกติ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นมากกว่าปกติอีก 20-30 ซม. จากวันที่ 25 ต.ค.54 ไปถึงช่วงวันที่ 28-31 ต.ค.54 และอาจจะเอ่อท่วมพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยวานนี้ระดับน้ำทะเลหนุนสูง 1.11 เมตร ส่งผลให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูง 2.40 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และหากเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องจนถึงช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดปลายเดือนนี้ อาจส่งผลให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูง 2.60 เมตร ซึ่งสูงกว่าคันกั้นน้ำ 10 ซม. ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตั้งแต่ช่วงบ่าย 2 โมงจนถึง 4 โมงเย็นโดยประมาณ ระดับน้ำทะเลจะหนุนสูงสุด กทม.จึงสั่งการให้ 13 เขตประจำในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด
ออกประกาศสองฝั่งเจ้าพระยาดูแลรั้ว เขื่อนที่ทรุดโทรม และกันจุดรั่วซึมเข้าพื้นที่
ทั้งนี้ กทม.ได้ออกประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยกันดูแล ซ่อมบำรุง หรือเสริมความแข็งแรงของรั้วเขื่อน และกำแพงตามแนวเขื่อนที่ใช้งานมานานปี อาจมีสภาพทรุดโทรม หรือมีจุดรั่วซึมและมีการไหลย้อนกลับของน้ำตามท่อระบายน้ำไหลเข้าบ้านเรือนและถนนสายต่างๆ นอกจากนี้ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศดูแลและชี้แจงสถานการณ์แก่คณะทูตานุทูต รวมถึงสั่งการให้สำนักงานเขตบางรัก ดูแลสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส และโปรตุเกส ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาเป็นพิเศษด้วย
ระดับน้ำต่างจังหวัดมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า จากภาพถ่ายทางอากาศล่าสุด พบว่า มวลน้ำใน กทม.ลดลง และที่ จ.นครสวรรค์ ลดลงจาก 1,922 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 1,899 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ อยุธยา 4,175 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที ลดลงเหลือ 4,163 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท 424 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที ลดลงเหลือ 401 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที
เรียกประชุมผู้ประกอบการหารือแนวทางป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจ
นอกจากนี้ กทม.ได้รับคำสั่ง ศปภ. 22/2554 ลงวันที่ 24 ต.ค.มอบหมายภารกิจหลายเรื่อง ให้กทม. ดำเนินการ ซึ่งเรื่องสำคัญ คือ ให้ผู้ว่าฯ กทม.รับผิดชอบหลักดูแลพื้นที่เศรษฐกิจและสถานที่สำคัญภาคเอกชน ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (27 ต.ค.) เวลา 13.30 น. กทม.จึงได้เชิญหอการค้าไทยและต่างประเทศ สภาอุตสาหกรรม สมาคมโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า สมาคมธุรกิจขนาดใหญ่ ร้านขายเครื่องอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงปัญหา สถานการณ์ล่าสุด รวมถึงความต้องการ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้องค์กรและกลุ่มบริษัทร่วมกันหาวิธีดูแลพื้นที่ภาคเอกชนให้ปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยุบ 5 ศูนย์พักพิงประสบภัยเขตดอนเมือง
ขณะนี้มีประชาชนเข้าไปพักยังศูนย์พักพิงของ กทม. 6,013 คน โดยศูนย์ของ กทม.189 แห่งได้สั่งปิดไป 5 แห่งเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ได้แก่ ศูนย์พักพิงโรงเรียนเวฬุวนาราม โรงเรียนพหลโยธิน โรงเรียนเปรมประชา โรงเรียนประชาอุทิศ และโรงเรียนบำรุงรวิวรรณวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตดอนเมือง และให้เคลื่อนย้ายผู้พักพิงไปอยู่ที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ และโรงเรียนประชานิเวศน์ นอกจากนี้ กทม.ยังได้การสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งเพื่อเปิดเป็นศูนย์พักพิงเพิ่มเติมอีก 6 แห่ง รับคนได้ 12,000 คน ได้แก่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
“ส่วนการเปิดประตูระบายน้ำของกรมชลประทาน เมื่อวานนี้ได้มีการเปิดตามที่ กทม.ขอแล้ว แต่ยังเปิดไม่ครบทุกประตู โดยเฉพาะที่ประตูหนองจอก ยังมีประชาชนคัดค้าน ซึ่ง กทม.ก็เข้าใจ ส่วนสถานการณ์น้ำของ กทม.ด้านตะวันออกเริ่มลดลงแล้ว” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว