กรมศิลป์ ออก 3 มาตรการ ฟื้นโบราณสถาน ทั้งร่วมมือหลายฝ่ายช่วยปฏิสังขรณ์ เชิญผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำมาช่วยดูแลการบริหารจัดการ และของบสนับสนุนเพิ่มจากเอกชน ขณะที่ศูนย์ช่วยเหลือขอรับบริจาค ข้าวสาร-อาหารแห้งด่วน! ส่วนวัดพระธรรมกาย ระดม 500 ชีวิตป้องกันวัด
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตามที่ ครม.ได้สั่งการให้กรมศิลปากร สำรวจความเสียหายแหล่งโบราณสถานที่ถูกน้ำท่วม และหามาตรการป้องกันนั้น ขณะนี้ตนเร่งเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรรวบรวมข้อมูลแหล่งโบราณสถานทั้งที่ถูกน้ำท่วมและน้ำฝนท่วมขังทั่วประเทศ พบว่า มีโบราณสถานที่เสียหาย 220 แห่งกระจายอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ถูกน้ำขังเป็นเวลานาน ดังนั้น จะต้องเตรียมการซ่อมบูรณะและประเมินความเสียหายว่าจะต้องใช้งบประมาณในการซ่อมบูรณะอีกรอบ แต่ยังไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขได้ ส่วนวัดถูกน้ำท่วมมากกว่า 10-15 วันแล้วยังไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้ เช่น วัดไชยวัฒนาราม คาดว่า จะต้องใช้งบบูรณะเพิ่มขึ้น
สำหรับแผนป้องกันน้ำท่วมโบราณสถานในระยะยาว มี 3 แนวทาง คือ 1.การบูรณปฏิสังขรณ์ต้องมีการร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น กรมศิลปากรดูแล บูรณะ และป้องกัน ภายในโบราณสถาน ส่วนบริเวณด้านนอกจะต้องประสานกับ กรมโยธาธิการ กรมชลประทาน มาร่วมสร้างแนวป้องกัน รวมถึงมหาวิทยาลัยใกล้เคียงที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและโครงสร้างมาร่วมกับบูรณะด้วย เพราะการบูรณะไม่สามารถดูแลเฉพาะด้านนอกเพียงอย่างเดียว ต้องดูแลด้านในโครงสร้างโบราณสถาน ซึ่งจะต้องมีการเสริมเหล็กภายในโครงสร้างเพื่อเกิดความแข็งแรง 2.เชิญผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำทั้งระดับนานาชาติและอาเซียนมาช่วยดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำ 3.งบประมาณในการบูรณะคาดว่า ทางรัฐบาลจะทุ่มงบประมาณแผ่นดินไปช่วยเหลือประชาชนก่อน ดังนั้น กรมศิลปากร จะขอความช่วยเหลือขอสนับสนุนงบฯจากภาคเอกชนในเบื้องต้นก่อน
** ศูนย์ช่วยเหลือ มจร.ขาดข้าวสาร-อาหารแห้งขอรับบริจาคด่วน!
นายสมชาย สุภาษิต รองผอ.สำนักงานบริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า ศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม มูลนิธิชัยพัฒนา ณ มจร. มีผู้ประสบภัยที่มาพักอาศัยประมาณ 500 คน มีเจ้าหน้าที่ 300 คน รวมทั้งต้องแจกจ่ายอาหารไปยังวัดใกล้เคียง เช่น วัดชูจิตรธัมมาราม วัดกุฎีประสิทธิ์ และแจกจ่ายให้กับประชาชนมารับอาหารเองไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ มจร.ได้นำอาหารใส่เรือเข้าไปแจกจ่ายอีกจำนวนมาก ในขณะนี้เริ่มขาดเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสารอาหารแห้งแล้ว จึงขอแจ้งมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ที่มีจิตศรัทธานำข้าวสาร อาหารแห้งมาบริจาคที่ศูนย์พักพิง มจร.ด่วน ส่วนการเดินมา มจร.ยังคงจัดรถรับ-ส่งตามปกติ เพียงแต่เปลี่ยนเส้นทางโดยเริ่มต้นที่วัดศรีสุดารามและวัดมหาธาตุฯ แล้วใช้เส้นทางวิภาวดีรังสิต ส่วนการเรียนการสอน จะย้ายสถานที่ไปที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว
ผู้ประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาติดต่อได้ที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา อาคาร 608 พระราชวังดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ หรือร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สามารถโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสวนจิตรลดา ชื่อบัญชี "ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม" เลขที่บัญชี 067-213125-3 เพื่อนำไปจัดซื้อสิ่งของที่จำเป็น และผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการจะบริจาควัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร สิ่งของและเงินช่วยเหลือ บริจาคได้ที่สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย หรือติดต่อได้ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยสามารถติดผ่าน พระครูวินัยธรวัลลพ ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ มจร โทร.08-1925-1491
**ระดม 5,000 ชีวิต ป้องกันวัดพระธรรมกาย
พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์ วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ล่าสุด แนวคันดินกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์ ด้านหน้าการเคหะชุมชนระพีพัฒน์ 1 ได้พังทลายลงมานั้น ทำให้ถนนบริเวณโดยรอบวัดทั้งหมดถูกน้ำท่วม เหลือทางที่จะสามารถเข้าวัดได้ทางเดียวคือทางที่จะมาจากเส้นมอเตอร์เวย์ ทำให้ทางวัดต้องระดมพระ เณร และอุบาสก อุบาสิกา ภายในวัดประมาณ 5,000 ชีวิต จัดเวรกันเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเตรียมบรรจุกระสอบทรายสำรองไว้ประมาณ 1 แสนกระสอบ เพื่อใช้ในการอุดรอยรั่วจากแนวคันกั้นน้ำของวัดที่มีการสร้างไว้ก่อนหน้านี้โดยรอบวัดยาวประมาณ 12 กิโลเมตร ที่อาจจะเกิดการเปื่อยยุ่ยได้ ส่วนผู้อพยพที่มีการเดินทางมาอยู่ที่วัดประมาณ 400 คนก่อนหน้านี้นั้น ทาง จ.ปทุมธานี ได้มาย้ายให้ไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี คลองหกแล้ว ขณะที่รถยนต์ที่มีผู้มาฝากไว้ก่อนหน้านี้ก็มีผู้มาย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงรถของอุบาสกอุบาสิกาของทางวัดเท่านั้น
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตามที่ ครม.ได้สั่งการให้กรมศิลปากร สำรวจความเสียหายแหล่งโบราณสถานที่ถูกน้ำท่วม และหามาตรการป้องกันนั้น ขณะนี้ตนเร่งเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรรวบรวมข้อมูลแหล่งโบราณสถานทั้งที่ถูกน้ำท่วมและน้ำฝนท่วมขังทั่วประเทศ พบว่า มีโบราณสถานที่เสียหาย 220 แห่งกระจายอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ถูกน้ำขังเป็นเวลานาน ดังนั้น จะต้องเตรียมการซ่อมบูรณะและประเมินความเสียหายว่าจะต้องใช้งบประมาณในการซ่อมบูรณะอีกรอบ แต่ยังไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขได้ ส่วนวัดถูกน้ำท่วมมากกว่า 10-15 วันแล้วยังไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้ เช่น วัดไชยวัฒนาราม คาดว่า จะต้องใช้งบบูรณะเพิ่มขึ้น
สำหรับแผนป้องกันน้ำท่วมโบราณสถานในระยะยาว มี 3 แนวทาง คือ 1.การบูรณปฏิสังขรณ์ต้องมีการร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น กรมศิลปากรดูแล บูรณะ และป้องกัน ภายในโบราณสถาน ส่วนบริเวณด้านนอกจะต้องประสานกับ กรมโยธาธิการ กรมชลประทาน มาร่วมสร้างแนวป้องกัน รวมถึงมหาวิทยาลัยใกล้เคียงที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและโครงสร้างมาร่วมกับบูรณะด้วย เพราะการบูรณะไม่สามารถดูแลเฉพาะด้านนอกเพียงอย่างเดียว ต้องดูแลด้านในโครงสร้างโบราณสถาน ซึ่งจะต้องมีการเสริมเหล็กภายในโครงสร้างเพื่อเกิดความแข็งแรง 2.เชิญผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำทั้งระดับนานาชาติและอาเซียนมาช่วยดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำ 3.งบประมาณในการบูรณะคาดว่า ทางรัฐบาลจะทุ่มงบประมาณแผ่นดินไปช่วยเหลือประชาชนก่อน ดังนั้น กรมศิลปากร จะขอความช่วยเหลือขอสนับสนุนงบฯจากภาคเอกชนในเบื้องต้นก่อน
** ศูนย์ช่วยเหลือ มจร.ขาดข้าวสาร-อาหารแห้งขอรับบริจาคด่วน!
นายสมชาย สุภาษิต รองผอ.สำนักงานบริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า ศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม มูลนิธิชัยพัฒนา ณ มจร. มีผู้ประสบภัยที่มาพักอาศัยประมาณ 500 คน มีเจ้าหน้าที่ 300 คน รวมทั้งต้องแจกจ่ายอาหารไปยังวัดใกล้เคียง เช่น วัดชูจิตรธัมมาราม วัดกุฎีประสิทธิ์ และแจกจ่ายให้กับประชาชนมารับอาหารเองไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ มจร.ได้นำอาหารใส่เรือเข้าไปแจกจ่ายอีกจำนวนมาก ในขณะนี้เริ่มขาดเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสารอาหารแห้งแล้ว จึงขอแจ้งมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ที่มีจิตศรัทธานำข้าวสาร อาหารแห้งมาบริจาคที่ศูนย์พักพิง มจร.ด่วน ส่วนการเดินมา มจร.ยังคงจัดรถรับ-ส่งตามปกติ เพียงแต่เปลี่ยนเส้นทางโดยเริ่มต้นที่วัดศรีสุดารามและวัดมหาธาตุฯ แล้วใช้เส้นทางวิภาวดีรังสิต ส่วนการเรียนการสอน จะย้ายสถานที่ไปที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว
ผู้ประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาติดต่อได้ที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา อาคาร 608 พระราชวังดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ หรือร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สามารถโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสวนจิตรลดา ชื่อบัญชี "ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม" เลขที่บัญชี 067-213125-3 เพื่อนำไปจัดซื้อสิ่งของที่จำเป็น และผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการจะบริจาควัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร สิ่งของและเงินช่วยเหลือ บริจาคได้ที่สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย หรือติดต่อได้ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยสามารถติดผ่าน พระครูวินัยธรวัลลพ ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ มจร โทร.08-1925-1491
**ระดม 5,000 ชีวิต ป้องกันวัดพระธรรมกาย
พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์ วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ล่าสุด แนวคันดินกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์ ด้านหน้าการเคหะชุมชนระพีพัฒน์ 1 ได้พังทลายลงมานั้น ทำให้ถนนบริเวณโดยรอบวัดทั้งหมดถูกน้ำท่วม เหลือทางที่จะสามารถเข้าวัดได้ทางเดียวคือทางที่จะมาจากเส้นมอเตอร์เวย์ ทำให้ทางวัดต้องระดมพระ เณร และอุบาสก อุบาสิกา ภายในวัดประมาณ 5,000 ชีวิต จัดเวรกันเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเตรียมบรรจุกระสอบทรายสำรองไว้ประมาณ 1 แสนกระสอบ เพื่อใช้ในการอุดรอยรั่วจากแนวคันกั้นน้ำของวัดที่มีการสร้างไว้ก่อนหน้านี้โดยรอบวัดยาวประมาณ 12 กิโลเมตร ที่อาจจะเกิดการเปื่อยยุ่ยได้ ส่วนผู้อพยพที่มีการเดินทางมาอยู่ที่วัดประมาณ 400 คนก่อนหน้านี้นั้น ทาง จ.ปทุมธานี ได้มาย้ายให้ไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี คลองหกแล้ว ขณะที่รถยนต์ที่มีผู้มาฝากไว้ก่อนหน้านี้ก็มีผู้มาย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงรถของอุบาสกอุบาสิกาของทางวัดเท่านั้น
