วิศวกรโยธากรมศิลป์กู้วัดไชยฯ นำแผ่นเหล็กซีสพายปิดช่องกำแพงที่ขาดก่อน “โสมสุดา” สั่งย้ายโครงกระดูกโบราณหมู่บ้านโปรตุเกสออกมาไว้สำนักอุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา เผยยอดแหล่งโบราณสถานเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท
วันนี้ (5 ต.ค.) นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่วัดไชยวัฒนาราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ว่าวันนี้ได้นำทีมวิศวกรโยธาของสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร เข้าหารือกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อที่จะนำแผ่นเหล็กชีสพายสำหรับกันดินสไลด์ในงานก่อสร้างนำมาใช้ในการปิดช่องที่กำแพงวัดไชยวัฒนารามทางด้านทิศใต้ ที่ถูกกระแสน้ำตัดขาดความยาวประมาณ 30 เมตร จากความยาวทั้งสิ้น 190 เมตรเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากด้านนอกไหลเข้าไป รวมถึงป้องกันไม่ให้วัดไชยวัฒนารามเสียหายไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ จากกระแสน้ำเชี่ยวส่งผลให้โครงสร้างกำแพงเสริมเหล็กคอนกรีตที่มีอายุการใช้งานมากว่า 16 ปี ไม่สามารถต้านทานแรงน้ำได้ ทำให้กำแพงถูกตัดขาดไป 30 เมตร ส่วนที่หมู่บ้านโปรตุเกสน้ำเข้าท่วมหลุมฝังโครงกระดูกทั้งหมดแล้ว จึงได้สั่งการให้นางชัยนันท์ บุษยรัตน์ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นำโครงกระดูกในหลุมขุดค้นทั้งหมดมาไว้ที่สำนักอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาแล้ว
นางโสมสุดากล่าวว่า ขณะนี้สำนักศิลปากรแต่ละพื้นที่เขตภูมิภาคได้รายงานสำรวจน้ำท่วมโบราณสถานมาให้กรมศิลปากร ภาพรวมความเสียหายในเบื้องต้นซึ่งมีทั้งที่เสียหายมากและเล็กน้อย จนถึงวันที่ 3 ต.ค.จำนวนกว่า 60 แห่ง เฉพาะที่ จ.พระนครศรีอยุธยา 20 แห่ง ภายในเกาะเมือง ได้แก่ ที่วัดใหม่ไชยวิชิต ภายในพระราชวังโบราณด้านทิศใต้ น้ำท่วมขังสูง 1.50 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ตั้งกระสอบทรายป้องกันแล้ว วัดเชิงท่า วัดหน้าพระเมรุ เพนียดคล้องช้างและตำหนักเพนียด ป้อมเพชร ส่วนด้านทิศใต้ของเกาะเมือง ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม วัดพุทไธศวรรย์ วัดขุนพรหม หมู่บ้านโปรตุเกส หมู่บ้านฮอลันดา โบราณสถานด้านทิศตะวันออก ฝั่งอโยธยา น้ำยังไม่ท่วมโบราณสถาน และโบราณสถานเจดีย์
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นได้ประมาณการความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแหล่งโบราณสถานทั้งหมดกว่า 1,000 ล้านบาท และพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) ตนพร้อมด้วยนางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม จะนำเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรไปตรวจสอบความเสียหายของพระธาตุหมื่นครื้น และพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง