พิษน้ำท่วม พระธาตุหมื่นครื้น จ.ลำปาง พัง กรมศิลป์เซ็งไร้งบบูรณะ เร่งนำวิศวกรตรวจสอบความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตนเองได้รับรายงานว่าโบราณสถาน ได้รับความเสียหายมาก โดยเฉพาะวัดไลย์ จ.ลพบุรี มีลายปูนปั้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และมีจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีน้ำท่วมขังจนเกรงว่าลายต่างๆ จะหายไป จึงได้สั่งการให้สำนักศิลปากร ที่ 4 ลพบุรี เข้าตรวจสอบ และรายงานสถานการณ์มาให้รับทราบ ขณะที่พระธาตุหมื่นครื้น จ.ลำปาง มีส่วนที่พังลงมา คือ ส่วนใต้องค์ระฆัง เป็นชั้นบังปากระฆัง อิฐยุ่ย พังลงมาหมด สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 7 น่าน ไปหาวัสดุค้ำยันเอาไว้ก่อน แล้วจะเร่งดำเนินการบูรณะโดยเร็วที่สุด โดยจะให้ช่างวิศวกรจากกรุงเทพมหานคร ไปตรวจสอบโครงสร้างทั้งหมดอีกครั้ง
“เมื่อปี 2539 และปี 2545 กรมศิลปากร ได้ทำการบูรณะพระธาตุ แต่ไม่ได้เสริมโครงเหล็กด้านใน มีแต่การก่ออิฐ ฉาบปูนหุ้มด้านนอกเท่านั้น พอน้ำท่วมมากๆ จึงพังลงมาทั้งหมด ทั้งนี้ วันที่ 6 ต.ค. นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม จะนำเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย” อธิบดีกรมศิลปากรกล่าว
จากนั้น นางโสมสุดา กล่าวถึงโบราณสถานป้อมเพชร จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะพบว่าบริเวณดังกล่าว มีทางน้ำไหลเชี่ยวมาก จนกระสอบทรายที่กั้นน้ำไว้ล้มลงมาทั้งหมด ทางสำนักศิลปากรที่ 3 อยุธยา ไปจัดตั้งขึ้นใหม่ทั้งหมด ในส่วนที่เป็นสนามด้านหลังป้อมเพชรนั้นได้มีน้ำทะลักเข้าท่วมแล้ว จึงใช้วิธีสูบน้ำออกเป็นระยะๆ ส่วนจังหวัดอื่นๆ เช่น วัดปรางค์หลวง เกราะเกร็ด จ.นนทบุรี รวมถึง โบราณสถาน ในจ. เชียงใหม่ เกรงว่าหากฝนตกไม่หยุดและน้ำท่วมขังมากๆ จะได้รับผลกระทบเหมือนโบราณที่ลำปาง
“ยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินการอย่างอื่นได้ นอกจากสูบน้ำออก เสริมกระสอบทราย ถ้าจะแก้ปัญหาระยะยาวจริงๆ จะต้องสร้างกำแพงหรือ พนังกั้นน้ำถาวร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเราไม่มีงบประมาณที่จะทำ หากจะทำได้จริงก็ต้องขอความร่วมมือกับกรมโยธาธิการและหน่วยงานอื่นๆ ด้วย” อธิบดีกรมศิลปากรกล่าว
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตนเองได้รับรายงานว่าโบราณสถาน ได้รับความเสียหายมาก โดยเฉพาะวัดไลย์ จ.ลพบุรี มีลายปูนปั้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และมีจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีน้ำท่วมขังจนเกรงว่าลายต่างๆ จะหายไป จึงได้สั่งการให้สำนักศิลปากร ที่ 4 ลพบุรี เข้าตรวจสอบ และรายงานสถานการณ์มาให้รับทราบ ขณะที่พระธาตุหมื่นครื้น จ.ลำปาง มีส่วนที่พังลงมา คือ ส่วนใต้องค์ระฆัง เป็นชั้นบังปากระฆัง อิฐยุ่ย พังลงมาหมด สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 7 น่าน ไปหาวัสดุค้ำยันเอาไว้ก่อน แล้วจะเร่งดำเนินการบูรณะโดยเร็วที่สุด โดยจะให้ช่างวิศวกรจากกรุงเทพมหานคร ไปตรวจสอบโครงสร้างทั้งหมดอีกครั้ง
“เมื่อปี 2539 และปี 2545 กรมศิลปากร ได้ทำการบูรณะพระธาตุ แต่ไม่ได้เสริมโครงเหล็กด้านใน มีแต่การก่ออิฐ ฉาบปูนหุ้มด้านนอกเท่านั้น พอน้ำท่วมมากๆ จึงพังลงมาทั้งหมด ทั้งนี้ วันที่ 6 ต.ค. นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม จะนำเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย” อธิบดีกรมศิลปากรกล่าว
จากนั้น นางโสมสุดา กล่าวถึงโบราณสถานป้อมเพชร จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะพบว่าบริเวณดังกล่าว มีทางน้ำไหลเชี่ยวมาก จนกระสอบทรายที่กั้นน้ำไว้ล้มลงมาทั้งหมด ทางสำนักศิลปากรที่ 3 อยุธยา ไปจัดตั้งขึ้นใหม่ทั้งหมด ในส่วนที่เป็นสนามด้านหลังป้อมเพชรนั้นได้มีน้ำทะลักเข้าท่วมแล้ว จึงใช้วิธีสูบน้ำออกเป็นระยะๆ ส่วนจังหวัดอื่นๆ เช่น วัดปรางค์หลวง เกราะเกร็ด จ.นนทบุรี รวมถึง โบราณสถาน ในจ. เชียงใหม่ เกรงว่าหากฝนตกไม่หยุดและน้ำท่วมขังมากๆ จะได้รับผลกระทบเหมือนโบราณที่ลำปาง
“ยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินการอย่างอื่นได้ นอกจากสูบน้ำออก เสริมกระสอบทราย ถ้าจะแก้ปัญหาระยะยาวจริงๆ จะต้องสร้างกำแพงหรือ พนังกั้นน้ำถาวร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเราไม่มีงบประมาณที่จะทำ หากจะทำได้จริงก็ต้องขอความร่วมมือกับกรมโยธาธิการและหน่วยงานอื่นๆ ด้วย” อธิบดีกรมศิลปากรกล่าว
