ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “กุสุมล” รมว.วัฒนธรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมวัดและโบราณสถานที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ พบไดี้รับผลกระทบกว่า 200 แห่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ นางกุสุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ได้ลงตรวจวัดและโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดลำพูน และเชียงใหม่
นางกุสุมล เปิดเผยว่า โบราณสถานและแหล่งโบราณคดีในเขตภาคเหนือตอนบน มีจำนวนกว่า 200 แห่ง ซึ่งในขณะนี้ กรมศิลปากรได้ตรวจพบแหล่งโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ต้องรีบดำเนินการบูรณะ
ในเบื้องต้นพบว่า โบราณสถานภายในวัดพระยืน จังหวัดลำพูน ในส่วนของแนวกำแพงแก้วของวัดมีการทรุดตัวและพังทลายลงกว่า 50 เมตร ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการบูรณะซ่อมแซม จำนวน 700,000 บาท โดยได้มอบหมายให้กรมศิลปากรดูแลและดำเนินการซ่อมแซมโดยเร่งด่วน
ในส่วนของวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้การดำเนินการบูรณะเสริมความมั่นคงและการปรับปรุงเสถียรภาพของลานดินเชิงเขา ในระยะที่ 1 เพื่อแก้ไขปัญหาความชื้นขององค์พระธาตุและดินสไลด์ ที่เกิดจากแผ่นดินไหวสามารถดำเนินการเป็นไปตามแผนงานระยะแรก โดยในระยะต่อไปจะต้องดำเนินการปรับปรุงเสถียรภาพของลานดินเชิงเชา เพื่อให้องค์พระธาตุมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น คาดว่า จะใช้งบประมาณดำเนินการจำนวน 29 ล้านบาท
นางกุสุมล กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่โบราณสถานเมืองกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณวัดกู่ป้าด้อมและวัดหนาน มีสภาพน้ำท่วมถูกน้ำท่วมขัง เนื่องจาก ที่ตั้งของโบราณสถานเป็นแอ่งและอยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินปกติ 1-2 เมตร ซึ่งสาเหตุเกิดจากปริมาณจากน้ำฝนที่ตกมาจำนวนมาก และน้ำจากแม่น้ำซึมจากใต้พื้นดิน
กรมศิลปากรได้แก้ปัญหาโดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบท่วมขังออกไป แต่เนื่องระดับน้ำของแม่น้ำสูงกว่าพื้นที่ตั้งโบราณสถาน กอปรกับยังมีฝนตก ทำให้น้ำยังคงท่วมขังอยู่และอาจทำให้โบราณสถานเสียหายได้ จึงจะมอบหมายให้สำนักศิลปากรที่ 8 ได้ขอความร่วมมือกับเทศบาลตำบลเวียงท่าตาล และจังหวัดเชียงใหม่ ให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อระบายน้ำออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการป้องกันมิให้โครงสร้างและอิฐสูญเสียสภาพความแข็งแรง
นอกจากนี้ ยังจะให้ผู้เชี่ยวชาญได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างกำแพงคอนกรีตรอบโบราณสถาน แต่วิธีนี้จะทำให้ดินสูญเสียความชื้น ทั้งนี้ จะมีการศึกษาและหาวิธีการที่เหมาะสมต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากจะมีการบูรณะวัดและโบราณที่เมืองกุมกาม ซึ่งบางส่วนมีโฉนด และอยู่ในความครอบครองของเอกชน จำนวนทั้งหมดกว่า 40 วัด รวมถึงการปรับปรุงศูนย์ข้อมูล การดูแลรักษา และสิ่งอำนวยความสะดวก จะต้องใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งต้องขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานในท้องถิ่น ภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม