พระนครศรีอยุธยา - รมว.วัฒนธรรม พร้อมอธิบดีกรมศิลปากรลงพื้นท่ตรวจดูความเสียหายน้ำท่วมโบราณสถานมรดกโลก "วัดไชยวัฒนาราม" พระนครศรีอยุธยา หลังน้ำเจ้าพระยาทะลักเข้าท่วม พร้อมสั่งอธิบดีฯเร่งสรุปความเสียหายหลังน้ำลดเพื่อเสนองบประมาณซ่อมแซม หวั่นหากปล่อยให้น้ำท่วมนานฐานอาจทรุดได้
หลังเกิดเหตุน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลมาด้วยแรงกัดเซาะแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วมทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จนเกิดการทรุดตัวลงและน้ำจำนวนมากได้ไหลทะลักเข้าท่วมภายในตัวบริเวณโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม พื้นที่กว่า 100 ไร่ของโบราณสถานแห่งนี้ทันที โดยระดับน้ำสูงราว 2-3 เมตร
ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (4 ต.ค.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พร้อมนางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร และเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณโบราณสถานมรดกโลกวัดไชยวัฒนาราม
ทั้งนี้ นางสุกุมล กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า โบราณสถานในเขตเกาะเมืองได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะที่วัดไชยวัฒนาราม กระแสน้ำที่แรงได้ไหลท่วมแนวกำแพงที่กั้นน้ำด้านข้างขาดยาวกว่า 60 เมตร เข้าท่วมโบราณสถานวัดไชยวัฒนารามทั้งหมด
รวมถึงบ้านเรือนราษฎรที่อยู่รอบนอกได้รับความเสียหาย เบื้องต้น ทางจังหวัดได้จัดเตรียมกระสอบทราย 30,000 กระสอบ เพื่อทำเป็นกำแพงกั้นน้ำตามแนวถนนรอบโบราณสถาน ก่อนสูบน้ำออกจากพื้นที่ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ให้โบราณสถานแช่น้ำนานๆ ตัวโครงสร้างของโบราณสถานที่ทำด้วยอิฐทรุดและพังทลายได้ อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมศิลปากรสรุปความเสียหายหลังน้ำลด เพื่อเสนอของบประมาณในการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมทั้งหมดต่อไป
ด้านนางโสมสุดา กล่าวว่า โบราณวัดไชยวัฒนารามได้รับผตลกระทบอย่างมาก เนื่องจากกระแสน้ำแรง และเป็นห่วงว่า ตัวเจดีย์รายรอบ รวมถึงซุ้มประตู ที่มีขนาดเล็ก อาจหลุดพังไปกับกระแสน้ำ อย่างไรก็ตาม หากน้ำแช่เพียง 2 - 3 วัน ตัวโครงสร้างอาจไม่ได้รับผลกระทบ แต่หากนานเกิน 7 วัน จะทำให้ตัวโครงสร้างเปื่อยยุ่ย ฐานรากจะทรุดลง ทำให้โบราณสถานพังทลาย
ทั้งนี้ คงต้องรอให้รอดูสถานการณ์ หากไม่แรงมากก็จะเร่งนำกระสอบทรายมาทำเป็นกำแพงและสูบน้ำออกจากโบราณสานโดยเร็ว จากนั้น กรมศิลปากร จะให้วิศวกร สถาปนิก และนักโบราณคดีเข้ามาตรวจสอบโครงสร้างโบราณสถานทั้งหมด โดยจะนำแผนการบูรณะซ่อมแซมของปี 2539 มาเปรียบเทียบ ก่อนดำเนินการ ทั้งนี้ คาดว่า น่าจะใช้งบประมาณในการบรูณะกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่า หลุมขุดค้นหมู่บ้านโปรตุเกสน้ำได้เข้าท่วมทั้งหมดแล้ว โดยมอบหมายให้สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาเข้าไปสำรวจความเสียหายดังกล่าวแล้ว
ทางด้านนายชัยนันท์ บุษยรัตน์ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงสถานการณ์น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทะลักท่วมโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม และทำให้กำแพงวัดพังลงว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือซ่อมกำแพงที่พังลงก่อน โดยประสานผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ประสานกองทัพเรือ เพื่อขอนักประดาน้ำดำสำรวจความเสียหาย จากนั้นจะนำกระสอบทรายบรรทุกใส่เรือเพื่อไปปิดกำแพงที่พังลง ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน