ชั่วโมง “อังกฤษ” ในอู่
“ครูนิพนธ์ ทองเทียม”
ฟุต ฟิต ฟอ ไฟ ฉบับรากหญ้า
จารยา บุญมาก ouiboonmark@hotmail.com
"ร้อยเหตุผลของคนเก่งภาษาอังกฤษจนสามารถสื่อสารได้คล่องและถ่ายทอดให้ผู้อื่น ไม่เคยมีเหตุผลใดที่ห้วนหรือแข็งกระด้างว่า “เก่งอังกฤษมาได้เพราะหมั่นไส้และเจ็บใจที่ต่างชาติมันหยามว่าคนไทยโง่ !! ดีแต่ใช้แรงงานรับจ้าง เลยไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษ!!”
นิพนธ์ ทองเทียม หรือ “ตาพนธ์”วัย 68 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถและเครื่องใช้ไฟฟ้า แห่งหมู่บ้านหนองขอน ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคิรีขันธ์ ตอบกับทุกคนที่ตั้งคำถามถึงแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษได้ดี และสามารถสอนภาษาอังกฤษให้แก่เด็กๆ ที่มาเรียนในบ้าน ซึ่งถูกแปลงสภาพเป็นทั้งห้องเรียน โรงซ่อมรถขนาดย่อม และมุมซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ดูไม่สะอาดตานัก
คุณตานิพนธ์ ย้อนอดีตว่า ตนจบโรงเรียนช่างไม้และฝึกวิชาชีพเสริมเป็นช่างซ่อมสารพัดเครื่องใช้ ที่ จ.ราชบุรี จากนั้นทำอาชีพรับจ้าเป็นช่างไม้ ช่างเชื่อม กระทั่งเมื่ออายุได้ 43 มีโอกาสไปรับจ้างที่ประเทศลิเบีย และซาอุดิอาระเบีย แห่งละ 2 ปี สองประเทศนี้ทั้งดูถูกและเหยียดหยามคนไทยมาโดยตลอดว่า ความรู้น้อย เหมาะแก่การเป็นลูกจ้าง ขณะนั้นความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับแย่ แต่ได้ยินจากหัวหน้างานบอกเล่าถึงมุมมองของต่างชาติขณะนั้น รู้สึกเจ็บใจและรับไม่ได้อย่างมาก จึงตัดสินใจอ่านเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน จนชำนาญ และตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาสอนเด็กไทยให้เก่งภาษาอังกฤษให้ได้ ตามกำลังที่ตนมี เพื่อจะได้ไม่ถูกเหยียดหยาม
จุดเริ่มต้นเกิดจากตรงนั้น ซึ่งคุณตานิพนธ์ให้คำจำกัดความว่า เป็นเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษฉบับรากหญ้า และนายช่างที่ไร้ปริญญา โดยแรก ๆ คุณตาเริ่มอัดเทปเสียงบทสนทนาภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล แบบถูกไวยากรณ์แล้วเปิดฟังเสียงของตนเองทุกวันตั้งแต่เช้ายัน 3 ทุ่ม เมื่อชาวบ้านละแวกนั้นได้ยินก็ติดต่อให้สอนแก่บุตรหลานด้วยค่าจ้างเป็นเบียร์ 3 ขวด ต่อเดือนต่อมาก็ปรับเป็นเงินค่าจ้างเดือนละ 300 บาท แต่ถ้าเด็กคนใดไม่มีเงินตนจะสอนให้ฟรี รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนทุกประเภทแก่เด็กที่ขาดแคลนอีกด้วย ทั้งหมดที่ทุ่มเท ด้วยหวังว่า กำไรที่คุ้มค่า คือ ทักษะภาษาที่โดดเด่นของเด็กนักเรียนทุกคน
เนื้อตัวที่เกรอะกรังด้วยคราบน้ำมัน เสื้อสีฝุ่นปราศจากสูทแสนหรูและหลักฐานวุฒิการศึกษาระดับปริญญา ทำให้เด็กๆหลายคนคนไม่อาจเรียกคุณตาว่า ครูหรืออาจารย์ได้เต็มปาก ส่วนนี้ตนไม่ได้น้อยใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีใครเอ่ย เรียกเพื่อซักถามข้อสงสัยระหว่างที่สอน ว่า “ครูพนธ์” มีบ้างที่แอบอมยิ้มเล็กๆให้กับตำแหน่งนั้น ด้วยความภูมิใจ กระนั้นก็ไม่เคยลืมพื้นเพว่าตัวเองเป็นใคร เพราะเจตนาเดียวที่ตนมี คือ ทำทุกทางให้เด็กมีความรู้ และหลุดพ้นคำดูหมิ่นได้
ระยะหลังคุณตาพนธ์จึงมุ่งมั่นสอนทักษะภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่องทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน คำศัพท์พื้นฐานและบทสนทนาประจำวัน จากนั้นก็สอนขั้นสูงด้วยการสื่อสารในรูปแบบสำเนียงของชนชาติต่างๆ หลักๆ เป็น อเมริกัน อังกฤษ และเอเชีย ซึ่งเด็กสามารถเรียนได้ในเวลาปิดภาคเรียนราว 45 วัน โดยสอนช่วง 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม และมอบการบ้านแก่เด็กเป็นประจำทุกวัน ในแต่ละวันมีเด็กมาเรียนราว 15 คน
“หลายคนสงสัยว่า สื่อการสอนทุกอย่างของผม ได้มาจากที่ใด คำตอบส่วนนี้ง่ายๆ ผมไปเก็บป้ายโฆษณาเก่าๆ ซึ่งไม่ได้จ่ายค่าพื้นที่เช่าโฆษณา ที่ถูกเจ้าหน้าที่โค่นทิ้งข้างถนนมาเย็บต่อกันเป็นบอร์ดใบใหญ่แล้วคัดบทสนทนาลงไปในพื้นที่ว่าง ด้วยตัวบรรจง เพราะเด็กๆที่มาเรียนส่วนมากเป็นวัยประถม และมัธยมต้น คุ้นเคยกันดี ส่วนสื่ออื่นๆก็มีหนังสือที่ฝรั่งในหมู่บ้านซื้อมาบริจาค เพราะอยากช่วยให้ผมมีสื่อที่สมบูรณ์ บางครั้งก็บริจาคเป็นวีซีดี ส่วนผมเองก็หาเทปเปล่าๆมาอัดเสียงบทสนทนาเพื่อเปิดให้เด็กๆฟังแบบชัด และอุปกรณ์อะไรในบ้านที่ดูโล่ง ผมก็เขียนภาษาอังกฤษลงไปเสมอ ทั้งเก้าอี้ โต๊ะ และปฏิทินเก่าๆ เพื่อจะได้สร้างแวดล้อมให้เด็กคุ้นเคย วิธีนี้สร้างเด็กให้สอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษและได้คะแนนสูงมามาก” คุณตาเล่าอย่างภูมิใจ
แม้จะมีความตั้งใจอย่างเต็มร้อย แต่ด้วยอาชีพ และบุคลิกภาพทีคุณตายอมรับว่า ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้หนีไม่พ้นคำสบประมาท ของชาวบ้านโดยเฉพาะผู้จบปริญญา คุณตาจึงมักถูกกล่าวถึงว่า บ้าและเพ้อฝัน อีกทั้งสร้างความรำคาญแก่ชาวบ้าน กระนั้นความพยายามก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะปัจจุบันแม้เด็กที่มาเรียนมีไม่ถึง 10 คน แต่คุณตาก็สอนอย่างเต็มที่ และเป็นคุณตาแสนเก่งของเด็กๆ ที่มาเรียนเสมอ
หากถามถึงความสำเร็จในการสอนนั้นคุณตาเล่าว่า เคยมีคนงานก่อสร้างจาก จ.ศรีสะเกษ มาจ้างให้สอนภาษาอังกฤษแก่ลูกสองคน ซึ่งตนก็สอนตามวิธีทั่วไป คือ ใช้ลานบ้านเล็กๆเพื่อเป็นห้องเรียน และสื่อการสอนที่เกรอะฝุ่น ผ่านไป 4 เดือน ผู้ปกครองโทรมาขอบคุณและบอกว่าลูกสอบเข้ามัธยมได้ ขณะนั้นยอมรับว่า ปลื้มอย่างมาก ไม่ใช่เพราะปลื้มที่ตัวเองสอนได้ แต่ดีใจที่มีคนเชื่อถือ แม้จะไม่วุฒิการศึกษาระดับสูงมาการันตีก็ตาม
ปัจจุบันคุณตาพนธ์ของเด็กๆ ยังทำหน้าที่รับจ้างซ่อมรถและซ่อมเครื่องใช้ไปฟ้า ควบคู่กับการสอนภาษาอังกฤษแก่ผู้สนใจเสมอ แม้จะต้องฟังคำหยามเหยียดจากคนไทยในสังคมรอบข้างบ้างก็ตาม แต่เหนือสิ่งอื่นใดเด็กไทยจนๆ ที่ไม่มีเงินเข้าโรงเรียนสอนภาษาดังๆ ต่างพูดภาษาอังกฤษได้คล่องไม่แพ้ใคร