“บุญรื่น” ยันไม่ล้วงลูก ไม่มีการเมืองแทรกแซงปัญหา มอส.เปิดทาง กก.ควบคุมฯ ทำงานเต็มที่ แต่ขอให้รายงานผลเป็นระยะ ระบุ พร้อมตัดสินใจตามข้อเสนอของ กก.ควบคุมฯ ด้าน “กำจร” เผย ดีเอสไอไม่รับ มอส.เป็นคดีพิเศษ
นางบุญรื่น ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เปิดเผยภายหลังนายกำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) และนายองค์กร อมร สิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา เข้าพบเพื่อสรุปความเป็นมากรณีปัญหาของมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) และกรณีการประชุมของคณะกรรมการอุทธรณ์ ซึ่งฝ่ายผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัยอีสาน(มอส.) ได้ร้องผ่านทีมที่ปรึกษาของนางบุญรื่น ว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังไม่มีการประชุม ว่า ตนได้ขอให้นายกำจรและนายองค์กร มาชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว โดยย้ำต่อทั้ง 2 ท่าน ไปว่าให้คณะกรรมการควบคุม มอส.ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ โดยตนจะตัดสินทุกอย่างตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการควบคุมฯ และคณะกรรมการ อุทธรณ์ และจะไม่เข้าไปล่วงลูกลูกอย่างเด็ดขาด
นางบุญรื่น กล่าวถึงกระแสข่าวความพยายามวิ่งเต้นทางฝ่ายการเมืองให้ช่วยล้มคดีนั้น ว่า ยืนยันว่า ไม่มีใครมาวิ่งเต้นกับตน และคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องว่าไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่ทาง สกอ.ไปแจ้งความไว้นั้นจะให้ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ช่วยเร่งรัดยอมรับว่าขณะนี้ตำรวจพื้นที่ทำงานล่าช้า แต่คงไม่ไปลวงลึกถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่
“ขอให้คณะกรรมการควบคุมฯเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้รอบคอบรัดกุมที่สุด รายงานผลการดำเนินการมาที่ดิฉันโดยตรงทุกระยะ เพราะอยากให้เรื่องของ มอส.เป็นกรณีตัวอย่างกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ให้จัดการศึกษาที่มีคุณภาพ และหากใครคิดที่จะจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพก็จะได้เกรงกลัว ไม่กล้าทำผิดกฎหมาย” นางบุญรื่น กล่าว
ด้าน นายกำจร กล่าวว่า ขณะนี้ นายสุมนต์ สกลไชย อธิการบดี มอส.ได้ลงนามเสนอชื่อคณะกรรมการอุทธรณ์ ทางฝ่ายผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งมาที่คณะกรรมการควบคุมฯเรียบร้อย เนื่องจากที่ผ่านมา มีผู้คัดค้านกรรมการจากฝ่ายผู้รับใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับคดี ดังนั้น ทางฝ่ายผู้รับใบอนุญาตจึงต้องเสนอชื่อกรรมการเข้ามาใหม่ ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการอุทธรณ์จะสามารถประชุมได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนในเรื่องการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เท่าที่ทราบขณะนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ไม่รับคดีของ มอส.เป็นคดีพิเศษ ซึ่งจากนี้การดำเนินคดีความตามกฎหมายต่างๆ ต้องเป็นเรื่องของตำรวจพื้นที่ต่อไป