ที่ประชุมอนุกรรมการฯ เผยแผนบริหาร มอส.ที่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งเสนอยังไม่ตรงเป้า ชี้ไม่ครอบคลุมปัญหา และไม่เชื่อมโยงการแก้ปัญหาของคณะกรรมการควบคุมฯ ด้าน “อธิการ มอส.” เตรียมสรุปผลงานเสนอคณะกรรมการควบคุม ขณะที่คดีความยังไม่คืบ คาดหลังจากที่ดีเอสไอไม่รับไปดูแล ตร.คงจะดำเนินการเต็มที่
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย อธิการบดีมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของ แผนบริหาร มอส.ที่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งเสนอ ว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 มีการพิจารณาความเป็นไปได้ของแผนที่ผู้รับใบอนุญาตฯ เสนอแก้ไขเข้ามาหลังจากได้รับทราบผลการประชุมในครั้งแรก ซึ่งแผนดังกล่าวมีความคืบหน้ากว่าแผนเดิมมาก แต่ที่ประชุมยังเห็นว่าไม่ครอบคลุมในหลายประเด็น โดยเฉพาะยังขาดข้อมูลสำคัญต่างๆ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง เช่น เรื่องจำนวนอาจารย์และนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยา
นอกจากนี้ แผนที่เสนอเข้ามายังไม่มีการเชื่อมโยงกับการแก้ปัญหาที่คณะกรรมการควบคุม มอส. ได้ดำเนินการไปแล้วในช่วงระยะเวลาเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องของหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต (ป.บัณฑิต) ระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท การจัดการงานข้อมูลของฝ่ายทะเบียนและการเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ตนจะได้นำข้อสรุปพร้อมข้อเสนอแนะจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการควบคุม มอส.ในวันที่ 28 ก.ย.นี้
ส่วนความคืบหน้าในเรื่องคดีความที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปแจ้งความไว้นั้น รศ.ดร.สุมนต์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเคยสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยได้คำตอบว่าเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าคดีของหายของ มอส.คงไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือคดีของ สกอ. ซึ่งเดิมเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจคิดว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จะรับเป็นคดีพิเศษ จึงยังไม่ทำอะไรเต็มที่ แต่เมื่อดีเอสไอไม่รับแล้วคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
นายกำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในฐานะคณะกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) กล่าวว่า ในส่วนของคดีความที่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยในการประชุมคณะกรรมการควบคุมฯ วันที่ 28 กันยายน นี้ตนจะขอให้ อธิการบดี มอส.ไปสอบถามความคืบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง แต่คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเจ้าหน้าที่คงต้องทำหน้าที่ไปตามกระบวนการ ส่วนคณะกรรมการควบคุมก็ต้องทำงานต่อไป