“น้องธันย์” ยิ้มร่าใส่ขาเทียม พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนฯ ช่วยให้เดินได้อีกครั้ง แพทย์เผยต้องเร่งฝึกกล้ามเนื้อสะโพกให้แข็งแรง เพื่อรองรับน้ำหนักได้ คุณพ่อเดินหน้าสู้คดี หลังบริษัทรถไฟยื่นคัดค้านการร้องค่าเสียหาย อ้าง “น้องธันย์” ไม่ทำตามกฎบริษัท
วันนี้ (12 ก.ย.) นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวในการแถลงข่าวในเรื่องการฟื้นฟูสมรรถภาพของ นส.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ น้องธันย์ หลังได้รับขาเทียมซีเลค (C-leg) พระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเข้ารับการทำกายภาพบำบัดพร้อมฝึกใช้ขาเทียม ว่า ขณะนี้อาการของน้องธันย์ดีขึ้นแล้ว แต่ต้องหมั่นฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและคุ้นเคยกับการใช้ขาเทียมอย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานมากนัก
พญ.ดารณี สุวพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการฝึกใช้ขาเทียม พร้อมกับทำกายภาพบำบัดมาร่วม 2 เดือนสุขภาพของน้องธันย์ก็มีพัฒนาการมากขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาฝึกนานเช่นกัน เพราะยังอายุน้อย โดยคุณภาพของซีเลคนี้ จากตัวอย่างที่เคยใช้ในวัยผู้ใหญ่ในต่างประเทศนั้นใช้เวลาราว 6 เดือน ระหว่างนี้หากขาเทียมที่ใช้มีการชำรุดหรือมีส่วนใดเสื่อมสภาพไป ก็สามารถซ่อมบำรุงได้ ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยอายุการใช้งานขาเทียมนั้นนาน 5 ปี
นพ.พันธ์ศักดิ์ ตันสกุล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ และแพทย์เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวว่า น้องธันย์ ยังจำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกกล้ามเนื้อสะโพกเพิ่มเติมเพื่อให้มีความแข็งแรงในการรองรับกับขาเทียม โดยก่อนหน้าที่จะใใส่ขาเทียมต้องฝึกกายภาพบำบัดวันละ 3 ครั้ง ซึ่งถือว่าหนักพอสมควรเพราะผู้ป่วยทั่วไปฝึกแค่วันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตามขาเทียมซีเลค ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแล้วในขณะนี้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำขณะนี้คือการฝึกใช้ขาเทียมให้คล่อง
ด้าน น้องธันย์ กล่าวว่า ช่วงเแรกที่ใส่ขาเทียมแล้วฝึกกายภาพบำบัดรู้ฝึกแปลกๆ แต่ดีใจที่กลับมาเดินได้อีกครั้ง ขณะนี้จะฝึกเดินให้มากขึ้น ยอมรับว่า ช่วงแรกเจ็บบ้างแต่ขณะนี้เริ่มชินแล้ว โดยช่วงที่ผ่านมาก็ได้เดินที่ห้างสรรพสินค้านาน 5-6 ชั่วโมง ก็รู้สึกดีใจได้กลับมาเดินได้อีกครั้ง ส่วนเรื่องการไปเรียนนั้นจะเริ่มเรียนเต็มวันในเวลาเรียนปกติในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ขณะเดียวกันในการฝึกกายภาพบำบัดควรจะต้องฝึกเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ ขณะนี้ออกจากศูนย์สิรินธรฯ มาพักที่คอนโดแล้ว
“ช่วงที่ไปโรงเรียนมีเพื่อนๆ และอาจารย์ที่โรงเรียนคอยให้กำลังใจและเป็นห่วงตลอดเวลา ทำให้เรามีกำลังใจดีมาก คิดว่าจะพยายามทำกายภาพบำบัดให้กล้ามเนื้อแข็งแรงเพื่อสามารถเดินในพื้นที่ต่างระดับได้” น้องธันย์ กล่าว
นายกิตติ์ธเนศร กล่าวว่า ตามที่ทนายได้ยื่นฟ้องขอค่าชดเชยจาก บ.SMART นั้น ขณะนี้ทนายแจ้งกลับมาว่า บริษัทได้ยื่นคัดค้านการจ่ายค่าชดเชยตามที่ร้องขอ โดยให้เหตุผลว่า น้องธันย์ ปฏิบัติตัวผิดตามกฎเกณฑ์ที่ทาง บริษัทกำหนดไว้แล้วตกลงไปในรางรถไฟเอง ส่วนเรื่องที่ทาง บริษัทจะฟ้องกลับเพื่อเรียกร้องจำนวนเงินประมาณ 102 ล้านบาทนั้น ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ทราบแต่เพียงข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนทางศาลยังดำเนินต่อไปโดยในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ทนายฝ่ายตนจะไปจำลองเหตุการณ์ของน้องธันย์ต่อศาล แต่ยังไม่สรุปผลว่าจะศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร
นายกิตติ์ธเนศร กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีประชาชนชาวสิงคโปร์ร่วมกันบริจาคเงินช่วยน้องธันย์ให้ราว 6 ล้านบาทนั้น ทราบมาว่า มีการจ่ายผ่านสภากาชาด สิงคโปร์แล้วส่งต่อมาที่สภากาชาดไทยแล้ว