ตรวจแถว “รัฐมนตรีสังคม” “ไม่ปลื้ม” แต่ต้องให้โอกาส!

ไล่เรียงรายชื่อ คณะรัฐมนตรีชุด “ยิ่งลักษณ์” 1 ตั้งแต่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูเหมือนนักวิชาการจะไม่ค่อยปลื้มนัก ยกเว้นกระทรวงแรงงาน ที่ดูเหมือนเวลานี้จะถอยไม่ได้อีกแล้ว

 อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้ใคร่สงสัยว่า รัฐบาล“ยิ่งลักษณ์” 1 สนใจแก้ไขปัญหาสังคมอย่างจริงจังหรือไม่  
 

•  วิพากษ์ศธ.รวมความแปลก-เก่า-เรียบ-ไม่โดดเด่น

เริ่มต้นที่กระทรวงศึกษาธิการ สำหรับนายวรวัจน์ ที่เคยฝากผลงาน เมื่อครั้งเป็นรมช.วธ. แล้วเสนอแนวคิดในการใช้ควายธนู เสน่ห์ยาแฝด ให้เป็นสินค้าวัฒนธรรม เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง เมื่อจะมานั่งเก้าอี้ คุมการศึกษาของประเทศ กูรูด้านการศึกษาต่างพากันจับตามอง รวมถึง 2 รัฐมนตรีช่วย นางบุญรื่น ศรีธเรศ รมช.ศึกษาธิการและนายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล รมช.ศึกษาธิการ ที่ดูยังไงก็ไม่เข้าตา

นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สังคมคนในวงการศึกษาค่อนข้างผิดหวังกับรายชื่อ รัฐมนตรี ศธ.มาก ถ้าคะแนนเต็ม 10 คงให้ 5 คะแนน เพราะเราคาดหวังจะได้คนที่มีความรู้ ความสามารถด้านการศึกษา แต่จากที่ตนได้ดูแล้วฟันธงได้เลยว่าภาพลักษณ์ของรัฐมนตรีทั้ง 3 คนนี้ รวมความแปลก ความเก่า และความเรียบ ซึ่งภาพรวมจึงยังไม่เห็นความโดดเด่นอีกทั้งยังไม่เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ หรือวิสัยทัศน์ที่จะมาแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา ฉะนั้นรัฐมนตรีทั้ง 3 คนจะต้องเร่งสร้างผลงานให้เห็นผลภายใน 3 เดือน เพราะจะใช้เวลา 6 เดือน ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกไว้อาจจะไม่ทันการ

  “เมื่อรัฐมนตรีไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางการศึกษามากพอ ขอแนะนำว่าควรจะเชิญนักวิชาการที่มีความรู้ด้านการศึกษามาตั้งวอล์รูม ช่วยในการทำงาน ที่สำคัญงานทางการศึกษาที่ควรจะต้องสานต่อคือนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ทศวรรษที่ 2 การก้าวสู่ประชาคมอาเซียนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม”นายสมพงษ์กล่าว

• ย้ำขึ้นค่าจ้าง 300 บ.ต้องทำให้ได้

ด้าน กระทรวงแรงงาน ที่ทุกคนเฝ้าจับตา นโยบายขึ้นค่าจ้าง 300 บาททั่วประเทศนั้น นายชาลี ลอยสูง     ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) กล่าวว่า แม้ยังไม่แน่ใจว่าเคยผ่านงานด้านแรงงานมามากน้อยแค่ไหน แต่ต้องให้โอกาสในการทำงานก่อน โดยเรื่องเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลชุดนี้ทำ คือ การควบคุมราคาสินค้า  อย่าให้แพงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะถึงแม้ว่าค่าจ้างจะปรับสูงขึ้นแต่จะสู้กับราคาสินค้าที่ปรับขึ้นไม่ไหว  และอยากให้ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งเป็นสัญญาประชาคมทั้งในเรื่องปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท และปรับเงินเดือนผู้จบปริญญาตรีรุ่นใหม่เป็น  15,000 บาท ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่จะต้องทำให้ได้ตามที่ได้หาเสียงไว้ โดยอยากให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300  บาทต่อวันในช่วงเดือน ม.ค.2555   ทุกจังหวัดเท่ากันทั่วประเทศ   
 

“ส่วนเรื่องที่อยากให้สานต่อจาก รมว.แรงงาน คนก่อน คือ การรับรองเรื่องอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ฉบับที่  87 และ 98  รวมถึงการยกระดับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้เป็นองค์กรอิสระ ซึ่งหากนโยบายใดที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องแรงงานทั่วประเทศ ก็อยากให้สานต่อนโยบายเดิม ไม่อยากให้แบ่งว่าเป็นผลงานของรัฐบาลชุดเก่าหรือรัฐบาลชุดใหม่” นายชาลี ทิ้งท้าย

• วาดหวัง‘วิทยา’คลี่คลายปัญหาสธ.

ข้ามฟากมาที่ กระทรวงสาธารณสุข ที่เวลานี้มีปัญหารอให้สะสางมากมายเหลือเกินนั้น พญ.ประชุมพร  บูรณ์เจริญ  ประธานสมาพันธ์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.)  กล่าวว่า  ค่อนข้างพึงพอใจมาก ที่ได้ นายวิทยา มาเป็น รมว.สธ.เพราะนายวิทยา เคยเป็นประธานวิปฝ่ายค้านมาก่อน และเคยรับฟังปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ที่ยอมเปิดใจรับฟังแพทย์ซึ่งไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด ซึ่งมั่นใจว่า นายวิทยา มีเหตุผลพอที่จะไม่ตัดสินใจอะไรแบบฉาบฉวย ซึ่งเร็วๆ นี้ตนและสมาชิก สพศท.อาจเข้าพบ รมว.สธ.หลังจากเข้ารับตำแหน่ง เพื่อเสนอนโยบายในหลายๆ ด้านที่กำลังเป็นปัญหาในระบบสาธารณสุข หลักๆ ได้แก่ ปัญหาวิกฤตการเงินการคลังของ รพ.สังกัด สธ., ปัญหาเรื่องบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข  รวมถึง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ

ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การที่ รมว.สธ.คนใหม่ เข้ามารับตำแหน่งนั้น ตนไม่มีสิ่งใดโต้แย้งในมิติของตัวบุคคล  แต่อยากให้เน้นการบริหารที่ไม่เลือกข้าง โดยต้องพยายามสร้างสมานฉันท์ระหว่างผู้ให้บริการสาธารณสุข และผู้รับบริการให้ได้       
       

• วธ.มีแต่รัฐมนตรีมือใหม่-ไร้ทิศ

ตบท้าย กระทรวงวัฒนธรรม นายศรีศักร วัลลิโภคม นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ตนผมไม่รู้ว่า รมว.วธ.มีประสบการณ์การทำงานอะไรมาบ้าง แต่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีที่มานั่งกระทรวงนี้ส่วนมากเป็นพวกมือใหม่ แถมไม่รู้ว่าวัฒนธรรมคืออะไร มีหน้าที่อะไร ส่วนกระทรวงเองก็ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน จะไปเน้นเรื่องศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งเป็นวัฒนธรรมหลวง ประเพณีราชสำนักแต่เข้าไม่ถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมอย่างแท้จริง เปรียบเสมือนไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักคนในสังคมเพราะฉะนั้นจะต้องเรียนรู้กระทรวงวัฒนธรรมว่ามีบทบาท หน้าที่อะไรบ้าง ไม่ใช่ให้คนในกระทรวงชงเรื่องแล้วทำตาม ควรฟังนักวิชาการด้านสังคมบ้าง เคยเสนอให้เน้นวัฒนธรรมสังคม เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ภูมิปัญญาชาว กลับไปเน้นจัดเรตติ้ง เกม สิ่งเหล่านี้ใช่หน้าที่กระทรวงจริงเหรอ ไปทับซ้อนกับกระทรวงอื่นหรือไม่

“ที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสนใจการเมือง เศรษฐกิจ มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกระทรวงวัฒนธรรม ส่งมือใหม่เข้ามาดูแล ทั้งๆ ที่วัฒนธรรมเรื่องใกล้ตัว เกี่ยวข้องกับคน สังคม ความเป็นอยู่ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ดังนั้น ผู้ที่มานั่ง รมว.วธ.ต้องตีโจทย์ให้แตกซะก่อนว่า วัฒนธรรมคืออะไร ควรทำอะไรบ้าง จากนั้นชูเป็นนโยบายของกระทรวง” นายศรีศักร กล่าว

สุดท้ายเมื่อบรรดารัฐมนตรีด้านสังคมรัฐบาลของ ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 ได้ลงมือปฏิบัติภารกิจหน้าที่อย่างจริงจังแล้วจะเป็นอย่างไร คงต้องมาคอยจับตาดูกันต่อไป