กรมแพทย์แผนไทยฯ เตรียมจัดประชุมวิชาการร่วมแพทย์แผนจีน ชูการรักษาภาวะไตเสื่อม ศาสตร์ฝังเข็มและตำรับยาจีน ช่วยลดความถี่ในการฟอกไต
วันนี้ (28 มิ.ย.) พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวแถลงข่าวการประชุมวิชาการไทย-เซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ 5 และงานประชุมวิชาการการแพทย์แผนจีนครั้งที่ 2 เรื่อง “แผนไทย-จีน กับโรคอ้วนและโรคไตเรื้อรัง” ว่า ในปีนี้เป็นการประชุมวิชาการที่เป็นความร่วมมือในการแก้ปัญหาสุขภาพหลัก ในเรื่องของโรคอ้วนและโรคไต ซึ่งในส่วนของโรคไตนั้นประเทศไทยพบว่า มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยผู้ป่วยแต่ละรายจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยวิธีการบำบัดทดแทนไต ทั้งการฟอกเลือด การล้างไตทางช่องท้อง หรือการปลูกถ่ายไต ตามลำดับความรุนแรงของโรค ดังนั้น กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯได้ร่วมกับสำนักสาธารณสุขเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้ป่วยโรคดังกล่าว ซึ่งการแพทย์แผนจีนมีองค์ความรู้ในการลดการฟอกเลือดและป้องกันหรือชะลอการเสื่อมลงของไต ในอนาคตอาจเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคไตอาจมีการใช้ยาแผนปัจจุบันลดน้อยลง หรือผู้ป่วยไตอาจไม่จำเป็นต้องล้างไตอีกต่อไปทำให้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของรัฐ
ด้านนพ.สมชัย โกวิทเจริญกุล สูตินรีแพทย์ รพ.กรุงเทพคริสเตียน ในฐานะนายกสมาคมแพทย์ฝังเข็มและสมุนไพร กล่าวว่า สำหรับอาการของโรคไตนั้น เกิดจากการทำงานของไตผิดปกติ ส่งผลให้ปัสสาวะไม่ออกและมีของเสียคั่งอยู่ในร่างกาย โดยหากได้รับการฝังเข็มจะช่วยลดของเสียที่มีผลต่อร่างกายได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะถ้าของเสียคั่งอยู่ในระดับที่เจาะเลือดแล้วพบความผิดปกติ การทำงานของไตจะลดลงแล้วราวร้อยละ 50 ดังนั้น การใช้ยาจีนร่วมกับการฝังเข็มจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของไตให้ดีขึ้น ยืดระยะเวลาที่จะต้องเข้ารับการฟอกไตออกไปอย่างน้อย 2-3 ปี อีกทั้งเมื่อต้องฟอกไตจะใช้เวลาครั้งละ 4 ชั่วโมง เข้ารับการ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่หากฝังเข็มก่อนที่จะป่วยถึงระยะต้องเข้ารับการฟอกไต การฝังเข็มใช้เวลา 15-30 นาทีต่อครั้ง ค่าใช้จ่ายครั้งละ 300-400 บาท ซึ่งในประเทศจีนพบว่าทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการฟอกไตน้อยลง ประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐ
นพ.จรัส ตั้งอร่ามวงศ์ แพทย์ประจำคลินิกหัวเฉียว ไทย จีน และแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยโรคไตนั้น การแพทย์แผนจีนมีประโยชน์ตรงที่ ช่วยบรรเทาการเสื่อมของไตให้น้อยลงโดยเฉพาะผู้ป่วยระยะแรก ที่ประสบปัญหากรวยไตอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งหากมีการผสมผสานองค์ความรู้การรักษาทั้งแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน และแพทย์แผนปัจจุบันก็จะยิ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น
สำหรับการประชุมวิชาการไทย-เซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ 5 และงานประชุมวิชาการการแพทย์แผนจีนครั้งที่ 2 เรื่อง “แผนไทย-จีน กับโรคอ้วนและโรคไตเรื้อรัง” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ก.ค.2554 ที่โรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม กทม.
วันนี้ (28 มิ.ย.) พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวแถลงข่าวการประชุมวิชาการไทย-เซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ 5 และงานประชุมวิชาการการแพทย์แผนจีนครั้งที่ 2 เรื่อง “แผนไทย-จีน กับโรคอ้วนและโรคไตเรื้อรัง” ว่า ในปีนี้เป็นการประชุมวิชาการที่เป็นความร่วมมือในการแก้ปัญหาสุขภาพหลัก ในเรื่องของโรคอ้วนและโรคไต ซึ่งในส่วนของโรคไตนั้นประเทศไทยพบว่า มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยผู้ป่วยแต่ละรายจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยวิธีการบำบัดทดแทนไต ทั้งการฟอกเลือด การล้างไตทางช่องท้อง หรือการปลูกถ่ายไต ตามลำดับความรุนแรงของโรค ดังนั้น กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯได้ร่วมกับสำนักสาธารณสุขเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้ป่วยโรคดังกล่าว ซึ่งการแพทย์แผนจีนมีองค์ความรู้ในการลดการฟอกเลือดและป้องกันหรือชะลอการเสื่อมลงของไต ในอนาคตอาจเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคไตอาจมีการใช้ยาแผนปัจจุบันลดน้อยลง หรือผู้ป่วยไตอาจไม่จำเป็นต้องล้างไตอีกต่อไปทำให้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของรัฐ
ด้านนพ.สมชัย โกวิทเจริญกุล สูตินรีแพทย์ รพ.กรุงเทพคริสเตียน ในฐานะนายกสมาคมแพทย์ฝังเข็มและสมุนไพร กล่าวว่า สำหรับอาการของโรคไตนั้น เกิดจากการทำงานของไตผิดปกติ ส่งผลให้ปัสสาวะไม่ออกและมีของเสียคั่งอยู่ในร่างกาย โดยหากได้รับการฝังเข็มจะช่วยลดของเสียที่มีผลต่อร่างกายได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะถ้าของเสียคั่งอยู่ในระดับที่เจาะเลือดแล้วพบความผิดปกติ การทำงานของไตจะลดลงแล้วราวร้อยละ 50 ดังนั้น การใช้ยาจีนร่วมกับการฝังเข็มจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของไตให้ดีขึ้น ยืดระยะเวลาที่จะต้องเข้ารับการฟอกไตออกไปอย่างน้อย 2-3 ปี อีกทั้งเมื่อต้องฟอกไตจะใช้เวลาครั้งละ 4 ชั่วโมง เข้ารับการ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่หากฝังเข็มก่อนที่จะป่วยถึงระยะต้องเข้ารับการฟอกไต การฝังเข็มใช้เวลา 15-30 นาทีต่อครั้ง ค่าใช้จ่ายครั้งละ 300-400 บาท ซึ่งในประเทศจีนพบว่าทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการฟอกไตน้อยลง ประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐ
นพ.จรัส ตั้งอร่ามวงศ์ แพทย์ประจำคลินิกหัวเฉียว ไทย จีน และแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยโรคไตนั้น การแพทย์แผนจีนมีประโยชน์ตรงที่ ช่วยบรรเทาการเสื่อมของไตให้น้อยลงโดยเฉพาะผู้ป่วยระยะแรก ที่ประสบปัญหากรวยไตอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งหากมีการผสมผสานองค์ความรู้การรักษาทั้งแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน และแพทย์แผนปัจจุบันก็จะยิ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น
สำหรับการประชุมวิชาการไทย-เซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ 5 และงานประชุมวิชาการการแพทย์แผนจีนครั้งที่ 2 เรื่อง “แผนไทย-จีน กับโรคอ้วนและโรคไตเรื้อรัง” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ก.ค.2554 ที่โรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม กทม.