โดยคุณวัตร ไพรภัทรกุล
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2554 ถือเป็นวันที่ผู้ประกันตน ซึ่งป่วยเป็นโรคไตทั้งก่อนและหลังเข้าสู่ระบบประกันสังคม (สปส.) ได้มีความหวังในชีวิตขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ต้องแบกภาระ ทั้งค่ายาและการรักษามานาน
โดยบอร์ดประกันสังคมเห็นชอบเพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมผ่าตัดเปลี่ยนไตได้หนึ่งครั้ง เป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง และเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อยากระตุ้นเม็ดเลือดจาก 750 บาท เป็น 1,125 บาทต่อสัปดาห์ รวมถึงเพิ่มวงเงินยากดภูมิคุ้มกันหลังผ่าตัด ซึ่งเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ครอบคลุมให้กับผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังทั้งก่อนและหลังเข้าเป็นผู้ประกันตน
จนกระทั่งวันนี้เป็นระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ชมรมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย นำโดยนายสุบิล นกสกุล ประธานชมรม ร่วมกับตัวแทนผู้ป่วยโรคไตในสิทธิประกันสังคมก็ออกมาเคลื่อนไหว เหตุเพราะต้องประสบความทุกข์จากการใช้บริการ เนื่องจากสิทธิประโยชน์ สปส.ไม่ครอบคลุม
นายสุบิล กล่าวในการแถลงข่าวเรื่อง “สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยโรคไตประกันสังคมราคาคุยใช้ไม่ได้จริง” ว่า การที่บอร์ดของ สปส.ได้มีมติเห็นชอบให้ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังได้รับสิทธิกรณี ปลูกถ่ายไต ยากดภูมิ และฮอร์โมนเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายที่ป่วยก่อนเป็นผู้ประกันตนหรือผู้ที่ถือสมุดเขียว จนถึงวันนี้ยังไม่เป็นจริงแต่ผู้ที่เป็นโรคไตหลังเข้าสู่ระบบสปส.หรือผู้ที่ถือสมุดน้ำเงินได้รับสิทธิ ทั้งนี้ ทางชมรมจึงขอเรียกร้องให้ดำเนินการให้ใช้สิทธิครอบคลุมทั้งผู้ถือสมุดเขียวและน้ำเงิน โดยกำหนดระยะเวลาภายใน 1 เดือน
“ผู้ป่วยส่วนมากเป็นคนจน การรอคอยนั้นคือชีวิต เราจ่ายเงินสมทบเข้าสปส.แท้ๆ แต่กลับใช้สิทธิไม่ได้ ซึ่งก่อนรักษาจะต้องเข้าไปที่สปส.ก่อน แต่สปส.กลับแจ้งว่ายังไม่ทราบเรื่องการใช้สิทธิในครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงความไม่มีประสิทธิภาพและความไม่จริงใจ การที่สปส.ประกาศออกข่าวให้ผู้ป่วยดีใจ ทั้งๆ ที่ยังไม่อนุมัติให้สิทธิกับผู้ป่วยเป็นการหลอกลวง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะได้สิทธิหรือไม่และเมื่อใด” นายสุบิล กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากวันนี้ 1 เดือน หากยังไม่มีการดำเนินการหรือความคืบหน้าใดๆ ทางชมรมเพื่อนโรคไตฯ จะขอเข้าพบปลัดกระทรวงแรงงานเพื่อถามถึงความจริงใจในการจำกัดสิทธินี้
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง โฆษกชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน กล่าวว่า อยากสะท้อนถึงขั้นตอนของ สปส.ว่า การที่ นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล ผอ.สำนักงานจัดระบบบริการทางการแพทย์ สปส. บอกว่าจะใช้สิทธิได้หลังจากบอร์ดสปส.อนุมัติแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ แต่พอจริงๆ แล้วกลับใช้สิทธิไม่ได้ โดยทาง สปส.อ้างว่าที่ต้องมีการส่งกลับไปที่อนุกรรมการสิทธิประโยชน์เพื่อเป็นการศึกษาตัวเลขค่าใช้จ่ายอีกที ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าแล้วก่อนหน้าที่มีการประชุมผ่านบอร์ดนั้นเหตุใดไม่มีการพิจารณา
สำหรับข้อสงสัยดังกล่าว นพ.สุรเดช กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองสิทธิประโยชน์ ไปสรุปตัวเลขค่าใช้จ่ายของกองทุนประกันสังคมในการเพิ่มสิทธิประโยชน์โรคไต และให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการ การแพทย์ของ สปส.ซึ่งมี นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธานคณะอนุกรรมการโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประกาศใช้ จึงขอยืนยันว่า การเพิ่มสิทธิประโยชน์โรคไตแก่ผู้ประกันตนจะดำเนินการอย่างแน่นอน เพียงแต่รอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองสิทธิประโยชน์เท่านั้น ซึ่งล่าสุด ตนได้ประสานไปยังฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการกลั่นกรองสิทธิประโยชน์ให้เร่งประชุมสรุปข้อมูล
โดยขณะนี้มีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังทุกระบบกว่า 30,000 คน โดยเป็นผู้ประกันตนใน สปส.ประมาณ 4,600 คน แบ่งเป็นผู้ที่ป่วยก่อนเป็นผู้ประกันตน 600 คน และป่วยหลังเป็นผู้ประกันตน 4,000 คน ซึ่งในส่วนนี้ต้องรักษาด้วยการล้างช่องท้อง 300 ราย โดยที่เหลือรักษาด้วยการฟอกเลือดทั้งหมด
จนถึงวันนี้มีผู้ประกันตนกว่า 100 ราย ที่จำต้องลาออกจากงาน เพราะต้องการออกจากระบบประกันสังคม มาใช้บัตรทองแทน ด้วยความจำยอมที่ว่า “อย่างน้อยไม่มีรายได้ แต่ก็ดีกว่าตายทั้งเป็น”
