xs
xsm
sm
md
lg

กรมควบคุมโรคเตือนระวังโรคอาหารเป็นพิษจากเห็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนระวังอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษช่วงเข้าหน้าฝน ตลอดปี 2553 พบผู้ป่วยเกือบ 2 พันราย เสียชีวิตถึง 16 ราย ส่วนปีนี้มีผู้ป่วยแล้ว 190 ราย พบมากสุดในภาคเหนือ พร้อมกำชับ สคร. ทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ในระดับชุมชนให้ทราบถึงอันตรายของเห็ดพิษ แม้บางรายจะทดสอบความเป็นพิษโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

วันนี้ (10 พ.ค.) นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป จะมีเห็ดออกตามป่าจำนวนมาก ทั้งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดพิษ แต่ละปีจะมีชาวบ้านนิยมรับประทานเห็ดทั้งที่ซื้อตามตลาดและหาเห็ดจากป่า ซึ่งจะพบผู้ป่วยจากการรับประทานเห็ดเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนมาก รวมถึงพบผู้เสียชีวิตทุกปีเช่นกัน จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2554 พบผู้ป่วย จำนวน 190 ราย จาก 35 จังหวัด และยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ จังหวัดน่าน อัตราป่วย 2.94 ต่อประชากรแสนคน จังหวัดเชียงใหม่ อัตราป่วย 2.45 ต่อประชากรแสนคน จังหวัดตราด อัตราป่วย 2.27 ต่อประชากรแสนคน จังหวัดเลย อัตราป่วย 1.93 ต่อประชากรแสนคน และจังหวัดกระบี่ อัตราป่วย 1.64 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดแถบภาคเหนือ ซึ่งก็เป็นภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุดด้วยเช่นกัน ส่วนข้อมูลในปี 2553 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 1,924 ราย จาก 59 จังหวัด เสียชีวิตถึง 16 ราย และจากข้อมูลยังพบว่าช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน มีผู้เสียชีวิตรวมกัน ถึง 14 ราย ซึ่งถือว่าเป็นช่วงกำลังเข้าสู่ฤดูฝนและเห็ดเริ่มออกในพื้นที่ป่าทั่วไป
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
ส่วนเห็ดที่มักนำมาบริโภค หรือจำหน่าย มีทั้งเห็ดที่กินได้และเห็ดมีพิษ เห็ดที่กินได้ เช่น เห็ดโคน เห็ดจูน เห็ดเผาะ เห็ดหูหนู เห็ดตับเต่าบางชนิด และเห็ดลม ส่วนเห็ดที่มีพิษ เช่นเห็ดตับเต่าบางชนิด เห็ดระโงกหิน เห็ดไข่ห่านตีนต่ำ เห็ดสมองวัว เห็ดน้ำหมึก เห็ดหิ่งห้อย เห็ดเกล็ดดาว เป็นต้น แม้บางรายจะทดสอบความเป็นพิษโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะพลาดได้ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และจำเป็นต้องใช้ร่วมกันกับวิธีการสังเกตอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจในชนิดของเห็ด วิธีปฏิบัติในการบริโภคและสังเกตเห็ดป่า มีดังนี้ 1.การจำแนกชนิดต้องมั่นใจจริงๆ ว่า รู้จักเห็ดชนิดนั้น 2.เวลาเก็บเห็ดต้องเก็บให้ครบทุกส่วน 3.เก็บเห็ดที่มีลักษณะรูปร่างสมบูรณ์เท่านั้น 4.เวลาเก็บให้แยกชนิดเป็นชั้น โดยนำกระดาษรองในตะกร้า 5.อย่าเก็บเห็ดภายหลังพายุฝนใหม่ๆ เพราะมีเห็ดบางชนิดที่สีบนหมวกอาจถูกชะล้างให้จางลงไป 6.เก็บเห็ดมาแล้วควรปรุงอาหารทันที ไม่ควรเก็บไว้นาน 7.ห้ามกินเห็ดดิบๆ โดยเด็ดขาด 8.เห็ดที่ไม่เคยกินควรรับประทานเพียงเล็กน้อยในครั้งแรก 9.ไม่ควรเก็บเห็ดที่ขึ้นใกล้โรงงานสารเคมี

นายแพทย์ มานิต กล่าวต่อว่า การกินเห็ดพิษจะมีอาการแสดงออกหลายแบบขึ้นอยู่กับชนิดของเห็ด และมักเกิดภายใน 3 ชั่วโมง อาการมากน้อยแตกต่างกันตามปริมาณด้วย เช่น 1.พิษจากเห็ดลูกไก่ จะทำให้มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนเมื่อกินร่วมกับแอลกอฮอล์ 2.พิษจากเห็ดหมวกจีน มีอาการเหงื่อแตก คลื่นไส้ และปวดเกร็งในท้อง 3.พิษจากเห็ดเกร็ดขาว มีอาการประสาทหลอน เพ้อ คลุ้มคลั่ง ซึม ซัก และหมดสติ 4.พิษจากเห็ดขี้ควาย และเห็ดโอสถลวงจิต มีอาการประสาทหลอน เพ้อ คลุ้มคลั่ง แต่ไม่มีอาการซึม 5.พิษจากเห็ดไข่ตายซาก เห็ดระโงกหิน เห็ดไข่เป็ด และเห็ดไข่ห่านตีนต่ำ จะมีอาการอ่อนแรง ปวดศีรษะและคลื่นไส้ เกิดขึ้นในเวลาเกิน 6 ชั่วโมง อาการมักทุเลา 1-2 วันต่อมา ต่อมามีตับอักเสบ จนถึงตับอักเสบ จนถึงตับวายได้ ดังนั้นหากพบผู้ได้รับพิษจากการกินเห็ด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด ตาลาย ใจสั่น อ่อนเพลีย ปวดท้อง เวียนศีรษะ การช่วยเหลือเบื้องต้น ที่สำคัญที่สุดคือทำให้อาเจียนออกมาให้หมด โดยการล้วงคอหรือกรอกไข่ขาว แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลหรือ รพ.สต.ใกล้บ้านทันที เพื่อรับการรักษาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น