เมื่อก้าวเข้าสู่หน้าร้อน... สิ่งที่ทุกคนกลัว และกังวลมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นแสงแดด เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ที่มีความเข้มของรังสีอัลตราไวเลตค่อนข้างสูง แต่ในทางกลับกัน เดือนนี้กลับเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมในการทำกิจกรรมนอกสถานที่มากเป็นพิเศษ ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผิวหนัง ซึ่งเป็นปราการด่านแรกที่ต้องเจอกับแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต
ภก.วิพิน กาญจนการุณ นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล เปิดเผยว่า อันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากับแสงอาทิตย์ แบ่งได้เป็นอันตรายแบบเฉียบพลัน ได้แก่ อาการร้อน บวม แดง ผิวหนังไหม้ และอันตรายแบบเรื้อรัง ได้แก่ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดฝ้า กระ จุดดำ รวมถึงมะเร็งผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นตัวช่วยในการป้องกันอันตรายจากรังสียูวีได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์กันแดดมีวางจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาดและมีหลากหลายยี่ห้อ จึงอยากแนะ 3 วิธีง่ายๆ ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดให้ได้ประสิทธิภาพสูง
“ค่า SPF ต้องเหมาะสม ค่า SPF เป็นตัวเลขบอกประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด โดยจะมีค่า SPF ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป สำหรับผู้ที่ทำงานในร่มตลอดเวลา ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 6-14 ผู้ที่ต้องออกนอกสถานที่หรือโดนแดดเป็นประจำ ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 15-29 สำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 30-50”
ประการต่อมา ภก.วิพิน กล่าวว่า ครีมกันแดดควรต้องสามารถป้องกันได้ทั้ง UV-A และ UV-B ในแสงแดดจะมีรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสีทั้ง UV-A และ UV-B เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิผลในการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด และสุดท้าย คือ ใช้แล้วต้องไม่ระคายเคือง ยี่ห้อต้องได้มาตรฐาน
“การทาครีมกันแดด ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หรือถ้าทาก่อนออกแดด 1 ชั่วโมง ได้จะยิ่งดี และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เมื่อต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ ผู้ที่แพ้แดดหรือผิวหนังอักเสบได้ง่าย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ที่สูงๆควรทากันแดดให้ทั่วทั้งผิวหน้า ลำตัว ถ้าต้องโดนแดดจัดอาจใช้ลิปสติกที่มีสารกันแดดทาริมฝีปากด้วย ก่อนใช้ควรมีการทาทดสอบที่บริเวณท้องแขน ว่า มีอาการแพ้หรือไม่ ถ้ามีผื่น หรือ คัน ให้ล้างออกและหยุดใช้ทันที"นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล กล่าวทิ้งท้าย
ภก.วิพิน กาญจนการุณ นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล เปิดเผยว่า อันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากับแสงอาทิตย์ แบ่งได้เป็นอันตรายแบบเฉียบพลัน ได้แก่ อาการร้อน บวม แดง ผิวหนังไหม้ และอันตรายแบบเรื้อรัง ได้แก่ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดฝ้า กระ จุดดำ รวมถึงมะเร็งผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นตัวช่วยในการป้องกันอันตรายจากรังสียูวีได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์กันแดดมีวางจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาดและมีหลากหลายยี่ห้อ จึงอยากแนะ 3 วิธีง่ายๆ ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดให้ได้ประสิทธิภาพสูง
“ค่า SPF ต้องเหมาะสม ค่า SPF เป็นตัวเลขบอกประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด โดยจะมีค่า SPF ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป สำหรับผู้ที่ทำงานในร่มตลอดเวลา ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 6-14 ผู้ที่ต้องออกนอกสถานที่หรือโดนแดดเป็นประจำ ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 15-29 สำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 30-50”
ประการต่อมา ภก.วิพิน กล่าวว่า ครีมกันแดดควรต้องสามารถป้องกันได้ทั้ง UV-A และ UV-B ในแสงแดดจะมีรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสีทั้ง UV-A และ UV-B เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิผลในการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด และสุดท้าย คือ ใช้แล้วต้องไม่ระคายเคือง ยี่ห้อต้องได้มาตรฐาน
“การทาครีมกันแดด ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หรือถ้าทาก่อนออกแดด 1 ชั่วโมง ได้จะยิ่งดี และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เมื่อต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ ผู้ที่แพ้แดดหรือผิวหนังอักเสบได้ง่าย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ที่สูงๆควรทากันแดดให้ทั่วทั้งผิวหน้า ลำตัว ถ้าต้องโดนแดดจัดอาจใช้ลิปสติกที่มีสารกันแดดทาริมฝีปากด้วย ก่อนใช้ควรมีการทาทดสอบที่บริเวณท้องแขน ว่า มีอาการแพ้หรือไม่ ถ้ามีผื่น หรือ คัน ให้ล้างออกและหยุดใช้ทันที"นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล กล่าวทิ้งท้าย
