สธ.เตือนวัยรุ่น-สาวประเภทสองฮิต “ครีมกัดผิว” ขาว-ใสทันใจ มีผลทำให้ผิวบาง-ทำผิวเสื่อมแก่ก่อนวัย อนาคตเสี่ยงเนื้องอก-มะเร็งผิวหนัง
วันนี้ (23 ม.ค.) นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังนิยมการมีสีผิวขาว ใส เพราะเชื่อว่าสามารถทำให้ดูดีขึ้น ดูสดใสเหมือนชาวเกาหลี โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นชาย-หญิง และเริ่มแพร่หลายในกลุ่มนักเรียนมัธยมต้น โดยเฉพาะสาวประเภทสองจะฮิตใช้มาก เนื่องจากเข้าใจว่าทำให้ผิวขาวเนียนเหมือนผู้หญิง และทำให้ขนตามแขนขาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีทอง ดูไม่น่าเกลียดเมื่อใส่ชุดโชว์เรือนร่าง จึงหันมาใช้ครีมเปลี่ยนสีผิวเนื่องจากราคาถูก ใช้แล้วเห็นผลเร็ว หาซื้อง่ายตามตลาดนัด ร้านเสริมความงาม และมีขายทางอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก
นพ.สุพรรณกล่าวต่อว่า ครีมเปลี่ยนสีผิวนั้นจะมีส่วนผสมหลัก คือ สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogenperoxide) สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนระคายเคืองสูง อาจทำให้เกิดระคายเคือง แสบ คัน และเป็นผื่น จะมีลักษณะเป็นน้ำ ในทางการแพทย์นำมาใช้ในการทำความสะอาดแผลที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น แผลลึก ปากแผลแคบ จากตะปูตำ ถูกแทง เป็นต้น เมื่อถูกบาดแผลไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จะกลายเป็นฟอง สามารถชำระสิ่งสกปรก เชื้อโรค เศษดินต่างๆ ที่อยู่ในแผลออกมา โดยในการใช้จะนำมาผสมกับน้ำ ในสัดส่วนไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ส่วนต่อน้ำ 20 หรือ 30 ส่วนเป็นต้น นอกจากนี้ สารดังกล่าวยังมีการนำมาใช้กัดสีผม ย้อมผม ผสมในยาสีฟัน กัดสีขน และใช้ในอุตสาหกรรมบางประเภท
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทุกชนิดจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการกำหนดเครื่องสำอางควบคุม ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ดังนั้น ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ต้องมาขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก่อนผลิตหรือนำเข้าเครื่องสำอางนั้นๆ โดยอนุญาตให้ผสมในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมในอัตราส่วนไม่เกิน 12 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยในช่องปากไม่เกิน 0.1 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันไม่เกิน 6 เปอร์เซ็นต์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ หากเกินอัตราส่วนที่กำหนดถือว่าเป็นเครื่องสำอางผิดกฎหมาย
ด้าน นพ.จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า การนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มาใช้กับผิวโดยตรง ถือว่าเป็นการนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะไม่ได้มีข้อบ่งชี้กำหนดว่าให้ใช้สารนี้ในการฟอกสีผิว แต่เพราะค่านิยมในปัจจุบัน จึงมีการนำมาใช้ผสมในครีมกัดผิวในเปอร์เซนต์ที่มีความเข้มข้นสูง เมื่อนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือครีมที่ส่วนผสมของสารนี้มาใช้กับผิวหนังเพื่อหวังให้ผิวขาว สารนี้จะไปกัดผิวชั้นนอกออก จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้นจริง แต่จะขาวได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และหากใช้ตั้งแต่อายุยังน้อย และใช้บ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังซึ่งเป็นเกราะป้องกันโดยธรรมชาติเสื่อมหรือบางลง เมื่อทาครีมหรือสารชนิดอื่นที่ผิวหนัง ก็จะเกิดการซึมซับของสารได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
“ประการสำคัญ ผิวหนังที่ผ่านการใช้สารกัดผิวมาแล้ว จะมีความทนทานต่อแสงแดดน้อยลง เนื่องจากสารเม็ดสีในผิวหนังที่เรียกว่าสาร “เมลานิน” (Melanin) จะโดนฟอกออกไปด้วยทำให้สารเม็ดสีน้อยลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดอาการผิวแพ้ง่าย เมื่อโดนแสงแดด เหงื่อออกหรืออยู่ในที่ร้อนๆ ผิวหนังจะตึง และมีอาการแสบ คัน หากโดนแสงแดดซ้ำบ่อยๆ อาจทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวก่อนวัยอันควรได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเซลผิวหนังที่มีเม็ดสีน้อย เมื่อโดนแสงแดดมากๆ หรือเป็นเวลานานๆ จะถูกทำลายลึกไปถึงระดับโมเลกุลและระดับดีเอ็นเอด้วย จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นตุ่ม เป็นเม็ดแข็ง เป็นเนื้องอกผิวหนัง มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าผิวธรรมดา แม้ว่ามะเร็งผิวหนังจะเป็นมะเร็งที่มีลำดับความรุนแรง มีการกระจายตัวน้อยกว่ามะเร็งอื่นๆ ก็ตาม แต่หากละเลยหรือมีการวินิจฉัยที่ผิดพลาด จะมีโอกาสเกิดแผลขนาดใหญ่ เกิดปัญหาในการรักษา อาจจะต้องตัดหรือคว้านอวัยวะส่วนที่เป็นนั้นออกไป” นพ.จิโรจกล่าว
นพ.จิโรจกล่าวต่อไปว่า อยากจะทำความเข้าใจวัยรุ่นว่า ผิวคนเรานั้นเกิดจากพันธุกรรม สายพันธุ์แตกต่างกันไป ซึ่งผิวทุกสีทุกลักษณะจะดูดีในแบบของตัวเอง บางคนที่ผิวเข้มก็สามารถทำให้ผิวเนียน สวย ดูดีได้ ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ คาร์โบไฮเดรต วิตามินอี และวิตามินซีหรืออาหารที่มีแอนติออกซิแดนต์ จำพวกผักผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอท เพื่อดักของเสียออกจากร่างกาย หรือผิวหนัง ทาครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหลังอาบน้ำเช้า เย็น หรือทาบ่อยๆ เท่าที่ต้องการ รวมทั้งทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า และตอนเที่ยง เพราะผิวหนังเป็นอวัยวะที่มีชีวิตและต้องการน้ำเป็นส่วนประกอบ และควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
นอกจากนั้น เรื่องของจิตใจ เช่น ความเครียด การนอนดึก จะกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองมีการกระตุ้นการสร้างสารเมลานินมากขึ้นทำให้ผิวหมองคล้ำ จึงควรทำจิตใจให้ผ่องใส พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้มีผิวสวยจากภายในได้เป็นอย่างดี